Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...
User Info
Welcome, Guest. Please login or register.
23 December 2024, 07:43:39

Login with username, password and session length
Search:     Advanced search
News
ท่านสมาชิกสามารถเปลี่ยนรูปแบบ (Theme) ได้อีกหลายแบบ
เชิญทดลองโดยคลิกที่ลิงค์ข้างล่าง ได้เลยครับ

http://www.smilesiam.net/index.php/topic,3170.msg4713.html
Forum Stats
26,618 Posts in 12,929 Topics by 70 Members
Latest Member: KAN
Home Help Search Calendar Login Register
Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...  |  ภาพประทับใจ  |  ผนังเก่าเล่าเรื่อง (Moderator: ผนังเก่าเล่าเรื่อง)  |  [15] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน นกยักษ์สัมพาที โดย กลม บางบาน
0 Members and 1 Guest are viewing this topic. « previous next »
Pages: [1] Go Down Print
Author Topic: [15] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน นกยักษ์สัมพาที โดย กลม บางบาน  (Read 387 times)
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« on: 30 March 2023, 09:01:09 »

[15] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน นกยักษ์สัมพาที โดย กลม บางบาน


30 มีนาคม 2022  ·

เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน นกยักษ์สัมพาที
จั่วหัวเรื่องวันนี้ มีคำว่า...เล่าเรื่อง(รามเกียรติ์)เพิ่มขึ้นมาด้วย...เพื่อให้รู้ว่าเป็นเรื่องเล่า...
...

เมื่อทัพวานรเดินทางมาถึงเขาเหมติรัน ก็ได้เจอะกับมหาสมุทรสุดกว้างใหญ่เป็นจริงตามที่ท่านฤๅษีกล่าว...

และปัญหาหนักอกก็คือ...ตกลงกรุงลงกามันอยู่ตรงไหนในมหาสมุทรนี้ มันห่างไกลออกจากฝั่งขนาดไหน? แล้วจะมุ่งหน้าไปทางทิศไหนถึงจะเจอ?

ทั้งหนุมาน องคต และชมพูพาน ก็ได้แต่นั่งเกาหัวแกรกๆ แบบเซ็งอารมณ์ เพราะมองไปรอบตัวก็ไม่เห็นมีตัวช่วยอะไรเลย.....

ทั้งสามเริ่มถอนหายใจ เพราะทั้งสามนำทัพเดินทางออกมาจากขีดขินก็หลายวันแล้ว...ถ้ากลับไปโดยไม่ได้เบาะแสอะไรเลย นางสีดาจะอยู่ที่กรุงลงกาจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ แม้แต่ว่าจะเดินทางไปกรุงลงกายังไงก็ยังไม่รู้เลย....ถ้ากลับไปแบบนี้ มีหวังพระรามและพระลักษมณ์คงชีช้ำกระหล่ำปลีเป็นแน่....

ว่าแล้วองคตและชมพูพานก็พาลจะร้องไห้ ที่อุตส่าห์เดินทางมาตั้งไกล แต่ก็เหมือนจะไม่ได้อะไรกลับไปเลย....ฝูงทัพวานรก็เริ่มจะท้อใจ บ่นกันระงมว่า...สงสัยจะเหนื่อยเปล่ากันหล่ะทีนี้...

หนุมานเห็นทัพวานรเริ่มหมดกำลังใจ เลยต้องอาสากล่าวปลุกใจ โดยบอกแก่ทุกคนว่า...อย่าเพิ่งท้อใจ ภารกิจนี้มันต้องสำเร็จแน่ เพียงแค่ตอนนี้เรายังไม่รู้ว่าจะทำให้มันสำเร็จได้ยังไง แต่วันพรุ่งนี้ไม่แน่ เราอาจจะได้เบาะแสอะไรเพิ่มเติมก็ได้ อย่าเพิ่งท้อใจไป ภารกิจนี้แม้ว่าจะยากลำบากสักเพียงไร เราก็ต้องฝ่าฟันไปให้ได้ ให้ดูนกสดายุเป็นตัวอย่าง ที่ยอมพลีกายเพื่อองค์พระนารายณ์ ภารกิจของพวกเราง่ายกว่าของสดายุตั้งแยะ เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งท้อและหมดกำลังใจไป....

หลังจากสิ้นคำกล่าวของหนุมาน....ที่บริเวณปากถ้ำบนเขาเหมติรันก็เกิดการสั่นสะเทือน....สักพักก็มีนกยักษ์เดินออกมาจากถ้ำ พร้อมตะโกนถาม...
...เมื่อตะกี๋ใครเอ่ยถึง สดายุ ผู้เป็นน้องข้า!!!...นกยักษ์ดังกล่าวดูสง่า น่าเกรงขาม ติดอย่างเดียว ไหงขนโกร๋น โล้นเลี่ยนเตียนโล่งไปทั้งตัวเช่นนั้น???
หนุมานจึงกล่าวไปว่า...ข้านี่แหละ เอ่ยถึงนกสดายุผู้พลีชีพเพื่อชิงตัวนางสีดาให้กับพระรามผู้เป็นองค์นารายณ์อวตาร...

นกยักษ์เมื่อได้ยินว่า สดายุ ได้สิ้นชีพไปแล้ว ก็ถึงกับร้องไห้ออกมาจนแทบน้ำตาเป็นสายเลือด แล้วกล่าวต่อทัพลิงว่า...

...เราชื่อ สัมพาที เป็นบุตรแห่งพญาครุฑเวนไตย แต่เดิมก็เป็นพญานกขนดกเหมือนนกปกติทั่วไปนั่นแล และเป็นพี่แท้ๆของสดายุ แต่วันนึงน้องชายไปก่อเรื่องเข้า พอเห็นองค์อาทิตย์สุริยเทพเสด็จผ่าน ก็คิดว่าเป็นผลไม้สุกสกาว ไล่ล่าคว้าจับ หมายจะกิน เลยถูกพระอาทิตย์เปล่งรัศมีใส่เพื่อเผาให้สดายุไหม้เป็นจุล เดือดร้อนเราต้องบินขึ้นไปเพื่อเอาตัวเองปกป้องจนขนไหม้เกรียม โกร๋นไปทั้งตัวแบบนี้ หนำซ้ำยังสาปให้ขนไม่งอกขึ้นมาอีก ต้องมาเฝ้าถ้ำที่เขาเหมติรันแห่งนี้ เพื่อรอทหารแห่งองค์นารายณ์อวตาร มาลบล้างคำสาปให้ โดยการโห่พร้อมๆกันสามครั้ง...(อุ๊ยโย้วโหยว...นอกจากพระอิศวร พระอินทร์ จะชอบสาปแล้ว...พระอาทิตย์ ท่านก็เล่นมุขนี้ด้วยหรือนี่...หรือกลัวว่าเรื่องจะกร่อยไป หรือกลัวเสียหน้า เสียเชิงชั้นเทวดาใหญ่...เด๋วจะหาว่า The sun ไม่ร้อนแรง เป็นมวยไม่มีราคา ม้าไม่มีชั้น แบบไอ้แหลมเป็ดว่าไว้...ท่านอาทิตย์ฮะ อย่าไปเอาสาระอะไรกับไอ้เฒ่าเมาแฮงค์คนนั้นเลย...คนอื่นชั่ว เลว หมด มันดีอยู่คนเดียวครับท่าน...)

สัมพาที จึงกล่าวแก่บรรดาวานรว่า...ขอให้โห่ร้อง 3 ครั้ง คำสาปของพระอาทิตย์สุริยเทพ ก็จะมลายไป เมื่อข้ากลับคืนสภาพเดิมแล้ว ก็จะพาพวกเจ้าไปดูเมืองลงกาให้เห็นด้วยตาตนเองเลยหละ...

วานรน้อยใหญ่ได้ยินดังนั้น ก็พร้อมใจกันโห่ร้อง...โห่ ฮิโห่ ฮิโห่ ฮิ้ววว... โห่...ๆ โห่...ๆ... 3 ครั้ง... คำสาปขององค์สุริยเทพก็สิ้นสลายไป นกยักษ์สัมพาทีก็กลับกลายมาเป็นพญานกงามสง่าอีกครั้ง พร้อมกันนั้นจึงให้นายวานรทั้งสามขึ้นขี่หลัง แล้วโผบินขึ้นสู่ท้องฟ้า บ่ายหน้าไปทางเมืองลงกา...

มง...มง...มงเท่ง มง...   
มง...มง...มง...หม่ำเท่งโหน่ง...เท่งมง..เท่งมง.....ฮิ้วววววว.............
มาแม่มา...มาแม่มา...มาแต่ของเขา ของเราไม่มา...ตะละล้าาา.........

.




พญาสัมพาที : พญานก กายสีแดงชาด ลูกพญาสุบรรณ เป็นพี่พญาสดายุ เมื่ออยู่เขาอรรศกรรณ สดายุเห็นพระอาทิตย์ คิดว่าเป็นผลไม้สุกจึงบินขึ้นไปจับจิกรถทรง พระอาทิตย์กริ้วเปล่งแสงร้อนจัดยิ่งขึ้น สัมพาทีจึงใช้ปีกบังความร้อนให้สดายุ ขนเลยหลุดหมดตัว พระอาทิตย์สาปซ้ำมิให้ขนขึ้นอีกเลยให้อยู่ที่ถ้ำเหมติรัน ต่อมาเมื่อหนุมานจะไปถวายแหวนให้นางสีดา มาพบแล้วโห่สามลาจึงทำให้พญาสัมพาทีพ้นคำสาป มีขนงอกขึ้นดังเดิม

.




นกสัมพาทีขนโกร๋นและพลพรรควานร

.




« Last Edit: 03 April 2024, 20:29:30 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« Reply #1 on: 30 March 2023, 09:02:47 »


30 มีนาคม 2022  ·

เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน นกสัมพาที พาสำรวจลงกา (ต่อ)

หลังจากกองทัพลิงทั้งห้าร้อยพร้อมใจกันโห่ให้นกสัมพาทีสามครั้งปุ๊บ...ขนที่เคยโกร๋นก็กลับงอกใหม่ดังเดิม...นกสัมพาทีดีใจมาก จึงลองทะยานบินขึ้นฟ้าใหม่หลังจากที่บินไม่ได้ ต้องดักดานอยู่ในถ้ำมาหลายสิบปี...สัมพาที โบยบินลิงโลดไปบนท้องฟ้า ฝูงลิงก็ดีใจ ปลื้มใจไปกับสัมพาทีด้วย....

หลังจากนั้น หนุมานก็ถามสัมพาทีว่า...ท่านผู้อาวุโสครับ ท่านพอจะรู้มั๊ยว่า ไอ้กรุงลงกานี่ มันอยู่ส่วนไหนของมหาสมุทรนี้?...

นกสัมพาทีก็ยืดอก ตอบว่า...รู้สิ ในสมัยก่อนที่ยังมีขนดกดำ ข้าบินผ่านลงกาไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ แต่ตัวกรุงลงกามันอยู่ห่างจากฝั่งมาก ต้องเป็นยักษ์หรือพญาวานรที่มีฤทธิ์เหาะได้เท่านั้นถึงจะข้ามไปได้ พวกยักษ์กากๆ หรือลิงเกรียนๆ ข้ามไปไม่ไหวหรอก ขนาดยักษ์ที่เหาะข้ามไปได้ ยังโคตรจะเหนื่อยเลยกว่าจะถึง ดีไม่ดีร่วงลงกลางมหาสมุทร เจอปลายักษ์จับไปกินซะก่อนอีก...

ว่าแล้วนกสัมพาที ก็โชว์ฟอร์มอวด...เอางี้ เจ้ามาขึ้นหลังข้า เดี๋ยวข้าจะพาบินโฉบพาไปดูให้แน่ชัดว่า กรุงลงกามันอยู่ตรงไหน...แล้วจึงให้นายวานรทั้งสามขึ้นขี่หลัง พาโผบินขึ้นสู่ท้องฟ้า บ่ายหน้าไปทางเมืองลงกา...

เมื่อข้ามมหาสมุทรมาจนถึงเกาะที่ตั้งเมืองลงกา นกยักษ์สัมพาทีก็พาบินวนสำรวจรอบ ๆ เกาะพร้อมทั้งอธิบายลักษณะพื้นที่ต่าง ๆ ทั้งแนวป่าทึบ เขานิลกาลา เสร็จแล้วจึงพาทั้งสามกลับมายังเขาเหมติวันอีกครั้ง…

หนุมานพบว่ากรุงลงกานั้น เป็นมหานครกลางน้ำ ห่างจากฝั่งไปไกลมาก มีภูเขาขนาดใหญ่อยู่กลางเมือง มีชื่อว่า เขานิลกาลา...และระยะทางจากฝั่งถึงกรุงลงกา น่าจะพอฟัดพอเหวี่ยงกับความสามารถของตัวเองที่จะเหาะข้ามมา แต่กับระดับพญาวานรอย่าง สุครีพ องคต นิลพัทธ์ นิลนนท์ และชมพูพานอาจจะเต็มกลืน จนน้ำลายเหนียวคอ อาจจะเหาะมาถึง หรือไม่ก็เกือบถึง ส่วนวานรลำดับรองๆลงไป ตั้งแต่พวกสิบแปดมงกุฏจนถึงไพร่พลวานรนี่ คงหมดปัญญาเหาะข้ามมาถึงแน่ แถมในมหาสมุทรที่ล้อมรอบลงกาอยู่นั้น เต็มไปด้วยสัตว์ร้ายว่ายอยู่เต็มไปหมด คลื่นก็เชี่ยวกราก ครั้นจะต่อเรือข้ามมานี่ สงสัยเรือจะอัปปางก่อนตั้งแต่ครึ่งทาง...

...แล้วพระรามและพระลักษมณ์ที่เหาะไม่ได้ล่ะ จะข้ามไปยังลงกายังไง?...

หนุมาน องคตและชมพูพาน จึงนั่งปรึกษาหารือกัน เรื่องลอบเข้าเมืองลงกา...ว่าจะคิดอ่านประการใดต่อ...

หลังจากหารือกันแล้ว ทั้งหมดก็สรุปได้ว่า...งานนี้ต้องขอให้หนุมานเสี่ยงเหาะข้ามไปลงกาไปสำรวจดูก่อนว่า ตกลงแล้วนางสีดาถูกกักตัวไว้ที่ลงกาแน่ๆหรือไม่ เพราะหนทางจากขีดขินมาลงกานั้นลำบากยากเย็นเหลือเกิน ถ้านางไม่อยู่ที่นี่ การเดินทัพมามันจะเสียเวลา เสียกำลังไพร่พลไปโดยใช่เหตุ ส่วนตัวองคตและชมพูพานจะควบคุมทัพวานรที่เหลืออยู่บนฝั่ง เพื่อคิดอ่านหาวิธีจะพากองทัพข้ามไปฝั่งลงกา รอหนุมานเสร็จภารกิจในลงกา ก่อนจะเดินทัพกลับขีดขินพร้อมกัน...

...ว่าแล้วหนุมานก็ฝากฝังนกสัมพาที ให้ช่วยดูแลทัพวานรอีกแรง ก่อนจะลาทั้งหมดเหาะข้ามไปฝั่งลงกา
ก่อนจะเหาะข้ามไป หนุมาน ต้องเล็งทิศและควบคุมแรงกระโดดให้ดีๆ เพื่อให้ไปถึงลงกาโดยสวัสดิภาพ…

.




นกสัมพาทีพาสำรวจลงกา
-ซ้าย-นกสัมพาที บินพา3วานร ไปดูกรุงลงกา
-ขวา-หลังจากนั้น หนุมานก็เหาะข้ามมหาสมุทร ไปสังเกตการณ์ยังกรุงลงกา

.




นกสัมพาทีบินพาหนุมานมาถึงกลางทะเล
(โขนพระราชทาน ตอน สืบมรรคา)

.





« Last Edit: 03 April 2024, 20:30:57 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« Reply #2 on: 07 April 2024, 22:44:24 »


ปรับปรุงภาพใหม่




Logged
Pages: [1] Go Up Print 
« previous next »
 

SMF 2.0.4 | SMF © 2013, Simple Machines | Theme by nesianstyles | Buttons by Andrea
Page created in 0.041 seconds with 20 queries.