Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...
User Info
Welcome, Guest. Please login or register.
23 December 2024, 03:51:40

Login with username, password and session length
Search:     Advanced search
News
ท่านสมาชิกสามารถเปลี่ยนรูปแบบ (Theme) ได้อีกหลายแบบ
เชิญทดลองโดยคลิกที่ลิงค์ข้างล่าง ได้เลยครับ

http://www.smilesiam.net/index.php/topic,3170.msg4713.html
Forum Stats
26,618 Posts in 12,929 Topics by 70 Members
Latest Member: KAN
Home Help Search Calendar Login Register
Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...  |  ภาพประทับใจ  |  สถานที่สวยงาม (Moderator: ppsan)  |  วิหารพระมงคลบพิตร จ.พระนครศรีอยุธยา โดย สายหมอกและก้อนเมฆ
0 Members and 1 Guest are viewing this topic. « previous next »
Pages: [1] Go Down Print
Author Topic: วิหารพระมงคลบพิตร จ.พระนครศรีอยุธยา โดย สายหมอกและก้อนเมฆ  (Read 293 times)
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« on: 22 January 2023, 19:13:22 »

วิหารพระมงคลบพิตร จ.พระนครศรีอยุธยา โดย สายหมอกและก้อนเมฆ


วิหารพระมงคลบพิตร จ.พระนครศรีอยุธยา

สันนิษฐานกันว่า สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้นราวแผ่นดินสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ โดยตามพงศาวดารวิหารพระมงคลบพิตรนั้น เดิมประดิษฐานอยู่ด้านทิศตะวันออกของ พระราชวังหลวง บางคนสันนิษฐานว่า เคยประดิษฐานอยู่กลางแจ้งที่วัดชีเชียงมาก่อน ในปี พ.ศ. ๒๑๔๖ สมเด็จพระเจ้าทรงธรรมโปรดฯ ให้ชลอมาไว้ทางด้านทิศตะวันตก แล้วให้สร้างมณฑปขึ้นครอบไว้ โดยมีหลักฐานจากภาพวาดของชาวตะวันตกที่เข้ามาในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททองว่าเป็นรูปร่างคล้ายๆมณฑป

ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๒๔๖ แผ่นดินสมเด็จพระเจ้าเสือ ยอดมณฑปต้องอสนีบาต (ฟ้าผ่า) ไฟไหม้เครื่องบนมณฑปหักพังลงมาต้องพระเศียรหัก สมเด็จพระเจ้าเสือ จึงโปรดฯให้แปลงมณฑปเป็นวิหารแต่ยังคงส่วนยอดของมณฑปไว้ แล้วซ่อมพระเศียรพระพุทธรูปใหม่ กระทั่งในรัชกาล สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ทรงบูรณะปฏิสังขรณ์ใหม่หมด เปลี่ยนหลังคาคล้ายในปัจจุบัน เมื่อเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งสุดท้ายวิหารและพระพุทธรูปถูกไฟไหม้ ชำรุดทรุดโทรม เครื่องบนวิหารหักลงมาต้องพระเมาฬี และพระกรข้างขวาหัก

ในปี พ.ศ. ๒๔๗๔ สมัยพระยาโบราณราชธานินทร์ ตำแหน่งสุมุหเทศาภิบาลมณฑลอยุธยา คุณหญิงอมเรศร์สมบัติกับพวก ได้ขอยื่นเรื่องซ่อมแซมวิหาร แต่รัฐบาลไม่อนุญาต เนื่องจากต้องการที่จะรักษาตามแบบอย่างทางโบราณคดี โดยจะออกแบบให้ปูชนียสถานกลางแจ้งเหมือนไดบุซึของญี่ปุ่น แต่ด้วยเวลานั้นรัฐบาลยังไม่มีงบประมาณพร้อมในการดำเนินการ

ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๙๙ รัฐบาลสมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม จึงได้เริ่มการบูรณะปฏิสังขรณ์พระวิหารและองค์พระพุทธเสียใหม่ดังที่เห็นอยู่ในปัจจุบันนี้ ในคราวบูรณะพระมงคลบพิตรในปี พ.ศ. ๒๕๐๐ กรมศิลปากรได้พบพระพุทธรุปบรรจุไว้ในพระพาหา (แขน) เป็นจำนวนมาก ปัจจุบันเก็บรักษาอยู่ที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา และ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จันทรเกษม

พระมงคลบพิตร เป็นพระพุทธรูปใหญ่หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์องค์เดียวในประเทศไทย ลงรักปิดทองมีแกนเป็นอิฐ ส่วนผิวนอกบุด้วยสำริด ทำเป็นท่อนๆมาเชื่อมกัน สูง ๑๒.๕๔ เมตร หน้าตักกว้าง ๔ วาเศษ สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยสมเด็จพระไชยราชา ราวพ.ศ. ๒๐๘๑ เดิมประดิษฐานอยู่กลางแจ้ง ต่อมาในสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม ทรงโปรดเกล้าให้อัญเชิญมาไว้ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของวัดพระศรีสรรเพชญ์


Create Date : 01 กันยายน 2553
Last Update : 1 กันยายน 2553 15:55:26 น.      
Counter : 4979 Pageviews.



Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« Reply #1 on: 22 January 2023, 19:14:06 »


วิหารพระมงคลบพิตร จ.พระนครศรีอยุธยา โดย สายหมอกและก้อนเมฆ

.................

11.25 น. วันที่ 9 มีนาคม 2565
จากวัดพระศรีสรรเพชญ์ เดินมาต่อที่วิหารพระมงคลบพิตรต่อเลยค่ะ




วิหารพระมงคลบพิตร ตั้งอยู่ทางด้านทิศใต้ของวัดพระศรีสรรเพชญ์ ใช้เส้นทางเดียวกับทางไปคุ้มขุนแผน วิหารพระมงคลบพิตรจะอยู่ถัดไปไม่ไกลนัก

วิหารพระมงคลบพิตร ตั้งอยู่ทางด้านทิศใต้ของวัดพระศรีสรรเพชญ์ เป็นที่ประดิษฐานพระมงคลบพิตร พระพุทธรูปบุสำริดปางมารวิชัย ที่สะท้อนภูมิปัญญาในศาสตร์แห่งโลหะและความชำนิชำนาญของช่างฝีมือไทยในหล่อโลหะโดยเฉพาะงานหล่อสำริดโลหะสำคัญในสมัยอยุธยา มีขนาดหน้าตักกว้าง 9.55 เมตรและสูง 12.45 เมตร นับเป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่องค์หนึ่งในประเทศไทย ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าสร้างในสมัยใด สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น สมเด็จพระเจ้าทรงธรรมโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายจากทิศตะวันออกนอกพระราชวังมาไว้ทางด้านทิศตะวันตกที่ประดิษฐานอยู่ในปัจจุบัน และโปรดเกล้าฯ ให้ก่อมณฑปสวมไว้ ทว่าในสมัยสมเด็จพระเจ้าเสือ เกิดฟ้าผ่ายอดมณฑปพระมงคลบพิตรเกิดไฟไหม้ทำให้ส่วนบนขององค์พระมงคลบพิตรเสียหาย จึงโปรดเกล้าฯ ให้ซ่อมแซมใหม่ แปลงหลังคายอดมณฑปเป็นมหาวิหารและต่อพระเศียรพระมงคลบพิตรในสมัยสมเด็จพระเจ้าบรมโกศ และในคราวเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 วิหารพระมงคลบพิตรถูกข้าศึกเผาทำลายจนเสียหาย ครั้นเมื่อรัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้การปฏิสังขรณ์ใหม่ ซึ่งยังคงเค้าความเป็นพระพุทธรูปสมัยอยุธยา และสามารถเป็นแบบอย่างของพระพุทธรูปสมัยอยุธยาตอนกลางได้อย่างดี สำหรับบริเวณข้างวิหารพระมงคลบพิตรทางด้านทิศตะวันออกแต่เดิมเป็นสนามหลวง ใช้เป็นที่สำหรับสร้างพระเมรุพระบรมศพของพระมหากษัตริย์และเจ้านายเช่นเดียวกับท้องสนามหลวงของกรุงเทพฯ

วันธรรมดาเปิดตั้งแต่เวลา 08.00-16.30 น.
วันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์เปิดเวลา 08.00-17.00 น.
จะเดินเท้าชมวัดมงคลบพิตรต่อด้วยวัดพระศรีสรรญเพชญ์ หรือขี่ช้างชมวัดที่วังช้างอยุธยา แลเพนียดเตรียมไว้ให้บริการก็ได้




















พระพุทธรูปด้านข้างภายในพระวิหาร






























11 โมงกว่า เดินกลับมาเอารถจักรยานที่จอดไว้ที่วัดพระราม มีน้อง ๆ 3 คน กำลังถามทางไปวัดไชยวัฒนารามกับเจ้าหน้าที่ เราเลยมาพร้อมกับเด็ก ๆ
ขี่มาได้ซักระยะ ไม่เห็นเด็ก ๆ แล้ว ทิ้งช่วงกันพอสมควร

เราก็แวะถามทางคนแถวนั้นเป็นระยะ ถึงวัดไชยวัฒนารามประมาณเที่ยงกว่า หิวมากค่ะ เดินหาร้านอาหาร ส่วนมากปิดหมด เดินย้อนกลับมาร้านที่เราถามทางป้า (ป้าขายของชำ) ป้าบอกเดี๋ยวทำให้จะกินอะไร  เราเลยสั่งผัดกะเพรา ง่ายสุดละ...ป้าทำให้ค่ะ ข้าวเยอะมาก



ป้าคงใส่ทุกอย่างให้ที่มี แต่ไม่มีใบกะเพรา (ที่เห็นนั่น ใบโหระพา) อร่อยดีค่ะ แต่เรากินไม่หมด ป้าบ่นนิดหน่อย ทำไมกินข้าวไม่หมด   
เราเลยรีบบอก อร่อยมาก อากาศร้อนกินได้ไม่เยอะ แล้วซื้อน้ำอัดลมป้าอีกขวด น้ำเปล่าอีกขวด ทั้งหมด 50 บาทถ้วน


.....
ขอขอบคุณ ภาพและเรื่องจาก
วิหารพระมงคลบพิตร จ.พระนครศรีอยุธยา โดย สายหมอกและก้อนเมฆ
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=morkmek&month=04-2022&date=25&group=30&gblog=30

Create Date : 25 เมษายน 2565
Last Update : 25 เมษายน 2565 10:38:30 น.      
Counter : 1037 Pageviews.



Logged
Pages: [1] Go Up Print 
« previous next »
 

SMF 2.0.4 | SMF © 2013, Simple Machines | Theme by nesianstyles | Buttons by Andrea
Page created in 0.081 seconds with 21 queries.