Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...
User Info
Welcome, Guest. Please login or register.
23 December 2024, 02:27:41

Login with username, password and session length
Search:     Advanced search
News
ท่านสมาชิกสามารถเปลี่ยนรูปแบบ (Theme) ได้อีกหลายแบบ
เชิญทดลองโดยคลิกที่ลิงค์ข้างล่าง ได้เลยครับ

http://www.smilesiam.net/index.php/topic,3170.msg4713.html
Forum Stats
26,618 Posts in 12,929 Topics by 70 Members
Latest Member: KAN
Home Help Search Calendar Login Register
Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...  |  ภาพประทับใจ  |  ผนังเก่าเล่าเรื่อง (Moderator: ผนังเก่าเล่าเรื่อง)  |  เล่าความรามเกียรติ์ by moncheep siva ตอนที่ 1-20
0 Members and 1 Guest are viewing this topic. « previous next »
Pages: [1] Go Down Print
Author Topic: เล่าความรามเกียรติ์ by moncheep siva ตอนที่ 1-20  (Read 910 times)
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« on: 13 March 2022, 10:10:57 »

เล่าความรามเกียรติ์ by moncheep siva


https://www.blockdit.com/posts/5c00a761396c9732bf74ebc7

เล่าความรามเกียรติ์ by moncheep siva

เล่าความรามเกียรติ์ 1...
เอ้า  ปูเรื่องกันซะหน่อย...

รามเกียรติ์  หรือเกียรติของพระรามนี่  ดัดแปลงมาจากนิยายของอินเดียคือ  รามายณะ...เป็นนิยายที่เขาแต่งขึ้นมาเพื่อสรรเสริญเหล่าเทพเจ้าของเขา...ไทยเรา  โดยรัชกาลที่ 1 ...พระองค์ได้นำมาดัดแปลงเนื้อเรื่อง แล้วก็แต่งเป็นบทกลอน...หลายอย่างก็มาแปลงให้เป็นไทยๆ  เช่นเมืองหลวงฝ่ายธรรมะ  ก็เป็นอยุธยาไปซะ

แล้วก็ยังมาแนบแน่นกับคติความเชื่อว่า พระมหากษัตริย์  คือสมมุติเทพ...ถ้าสนใจลองไปหาดูครับ  เล่าตอนนี้เดี๋ยวยาว...

รามเกียรติ์เป็นนิยายแนวแฟนตาซีล้วนๆ...ตัวละครหลักๆก็จะมีสี่ห้าจำพวก...มนุษย์  เทวดา  ยักษ์  ลิง  และอาจจะนับฤๅษีเป็นอีกจำพวกก็ได้...นอกนั้นก็เป็นไฟลั่มย่อยๆ...

ในหมู่เทวดานี่ก็จะมีบิ๊กเนม  อยู่หลายองค์...แต่ที่สุดยอด  เชื่อฝีมือได้...ก็จะมีพระอิศวร กับ พระนารายณ์...

พระอิศวรนี่เป็นองค์ที่ใหญ่สุด  และเป็นประเภท...พี่มีแต่ให้...ใครขออะไรให้หมด...ส่วนพระนารายณ์นี่ก็มีหน้าที่หลัก...ตามเช็ดอุจจาระ  ปัสสาวะ  จากพวกที่ไปขอพรพระอิศวรนั่นแหละ...

ถ้ายังจินตนาการกันไม่ออกว่าใครใหญ่กว่าใคร...พระนารายณ์ที่ว่าบิ๊กบึ้มแล้ว...ยังเป็นรองพระอิศวรอยู่หลายช่วงตัว...เราลองมาฟังตัวอย่างซักเรื่องมั้ย...

ตอนเริ่มๆเรื่องรามเกียรติ์  ก็มียักษ์ตนนึง  บำเพ็ญเพียรสะสมแต้มจนเข้าขั้น...มีสิทธิ์ไปขอพรจากพระอิศวร  ให้มีฤทธิ์มาก...แล้วคงเห็นบทเรียนจากเคสอื่นๆ  ที่เวลาไปห้าวมากๆ  มักจะเสร็จพระนารายณ์ทุกกรณี...เลยขอด้วยว่า ถ้าพระนารายณ์มาปราบ  ขอให้ไม่แพ้พระนารายณ์...พระอิศวรก็ประทาน...

...บ๊ะ...ตั้งเงื่อนไขให้แก้ยาก...ยังกะรัฐธรรมนูญบางประเทศเลยอ้ะ

แล้วก็ตามฟอร์ม...มีฤทธิ์แล้วก็นิสัยเสีย เที่ยวไปเกเรเกตุง  รังควานชาวบ้านเค้าไปทั่ว  จนมีคนไปฟ้อง...คราวนี้พระอิศวรออกโรงปราบเองเลย...

แต่ระดับพระอิศวร  จะให้เอาดาบไปฟัน  เอาหอกไปแทง...มันเบๆเกินไป...ท่านใช้ธนู...แต่ลองดูธนูของท่านซะก่อน

เขาไกรลาส  ใหญ่โตเว่อร์วังแค่ไหน...สำหรับท่าน...เอามาแอพพลาย...เป็นแค่คันธนู

พญานาค  มีพิษมีฤทธิ์เดชมากมายขนาดไหน  ไม่ต้องสืบ...แต่งานนี้เป็นได้แค่สายธนู

แล้วลูกธนูล่ะ...หยิบเอาใกล้ๆตัวนี่แหละ...นารายณ์  เชิญหน่อยทั่น...ช่วยทำตัวแข็งๆตรงๆหน่อย  อ้อ...ทำหัวแหลมๆด้วยนะ....ใช้พระนารายณ์เป็นลูกธนูครับ  ท่านผู้ชม...

พอเจอเจ้ายักษ์ตัวการ...พระอิศวรก็น้าวธนู  ยิง...แป้ก  ยิง...แป้ก...ลูกธนูไม่ยอมออก  ก้มลงดู...อ้าว  พระนารายณ์ที่เป็นลูกธนู...หลับฮะ...พระอิศวรฉุนจัด  เฮ้ยท่านนารายณ์  ถึงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน  ยังมางีบอะไรตอนนี้...โยนทั้งธนูทั้งลูกโครม  ลงพื้น

พระนารายณ์โดนเทแรงระดับนี้  ก็สะดุ้งตื่น  ลุกขึ้นมาตัดพ้อ...ก็ท่านเองน่ะแหละท่านอิศวร  ให้พรว่าจะไม่แพ้ข้า...ข้าก็เลยแป้กอยู่ตรงนี้

พระอิศวรหัวเราะแหะๆ  เอ้อ  จริงแฮะ...ก็เลยเปลี่ยนอาวุธ...ใช้เลเซอร์ยิงจากตาที่สามไปสังหารยักษ์ได้

นี่แค่แซมเปิ้ล...จะได้รู้ว่าเค้าโม้กันสุดเดชขนาดไหน...เอ้ามาเข้าเรื่องเลย...


ปฐมบทของความเป็นรามเกียรติ์...เริ่มจากยักษ์ตนนึง  ชื่อ นนทก...มีหน้าที่เฝ้าอยู่ตีนเขาไกรลาส  เทวดาองค์ไหนจะมาเฝ้าพระอิศวร...นนทกก็มีหน้าที่ล้างเท้าให้

เทวดาส่วนใหญ่นี่  นอกจากไม่ให้ติ๊ปแล้ว...พอล้างเท้าเสร็จก็เขกหัวมั่ง  ถอนผมเล่นมั่ง  ทำกันเป็นประจำ...จากที่เคยมีผม...นนทกถึงกะหัวล้าน...

เจอแบบนี้ทั้งปีทั้งชาติ  ก็ทนไม่ไหวสิฮะ...นนทกลุยขึ้นไปหานายใหญ่ คร่ำครวญร้องห่มร้องไห้...พระอิศวรก็เห็นใจ...เออๆๆๆ  แล้วจะให้กูช่วยยังไงวะ...

นนทกเลยขอ  นิ้วเพชร...เอาไว้ป้องกันตัว...พี่มีแต่ให้  มีรึจะปฏิเสธ...นนทกก็ได้นิ้วเพชรไป...

ถ้าเทียบกับสมัยนี้...นนทกก็ประมาณว่า  ได้ปืนพกไว้ป้องกันตัวล่ะครับ...คราวนี้ใครมาเขกหัวปั๊บ...ก็ชี้เปรี้ยง...ตาย...ถอนผม...ก็เปรี้ยง...ตาย

ชักกำเริบแฮะ...คราวนี้แค่มองหน้านิด ไม่ถูกชะตาหน่อยหน่อย...นนทกก็เอานิ้วเพชรชี้...เทวดาตายกันเป็นใบไม้ร่วง...จนต้องขึ้นไปรองเรียนกับพระอิศวร...นายๆๆ...ไอ้นิ้วเพชรมันอาละวาดใหญ่ละครับ...

พระอิศวรก็...มีอยู่สูตรเดียว...หยิบวิทยุ...นารายณ์นารายณ์...ว. 7...เหตุเกิดเชิงเขาไกรลาส...

............................................


เล่าความรามเกียรติ์ 2...

พอพระนารายณ์รับบรี๊ฟจากพระอิศวร...ก็วางแผนจัดการนนทกทันที...โดยแปลงร่างเป็นผู้หญิง...แน่นอนครับ...ต้องขาวสวย...ส่วนจะหมวยอึ๋มรึเปล่า...รสนิยมสมัยนั้นไม่แน่ใจ...

คงคล้ายๆวัยรุ่นสมัยนี้  บางคนเวลาไปเที่ยวผับ...พอเห็นหญิงบางคนถูกสเปค  ก็จะเข้าไปหา  ไปเต้นด้วย...เออ  เรื่องแบบนี้อาจจะรับมาจากวัฒนธรรมแขกก็เป็นได้...เพราะว่าพอพระนารายณ์ในร่างสาวสวย  เฉียดเข้าไปใกล้ที่นนทกอยู่...ส่งสายตากันไม่กี่รอบ...ก็เริ่มแด๊นซ์กัน...

สาวสวยรำท่าอะไร  นนทกก็รำตาม...เทพพนม  ปฐม  พรหมสี่หน้า...สอดสร้อยมาลา...ว่ากันไป...จนมาถึงท่านึง  สาวสวยเอานิ้วชี้ที่ขา...นนทกก็ชี้มั่ง...ลืมไปว่าตนเองมีนิ้วเพชร...ก็ประมาณว่าปืนลั่น...นนทกเจอฤทธิ์นิ้วเพชรของตัวเอง  ถึงกะขาหัก  ลงไปนอนกลิ้ง...

สาวสวยกลายร่างกลับเป็นองค์นารายณ์  ซึ่งมีสี่มือ...เหยียบออกนนทกทันที...นนทกถึงกับส่ายหัว...โหทั่น  ไม่แมนเลยอ้ะ...มีฤทธิ์มีเดช  มีมือตั้งสี่มือขนาดนี้...ยังต้องปลอมเป็นผู้หญิงมาหลอกให้ข้าเดี้ยงก่อน...กลัวนิ้วเพชรใช่มั้ยล่า...ฮี่ท่อ...

พระนารายณ์ได้ฟังก็กริ้วสิ...เฮ้ย  กูไม่ได้กลัวมึงหรอก  แต่มึงมันถึงที่ตายแล้ว(ฟังแถๆ  เหตุผลไม่ชัดเจนนะท่านนะ)...มึงว่ากูเอาเปรียบที่มีสี่มือใช่มั้ย...เอางี้...ให้มึงไปเกิดใหม่...

“ชาตินี้มึงมีแต่สองหัตถ์
จงไปอุบัติเอาชาติใหม่
ให้สิบเศียรสิบพักตร์เกรียงไกร
เหาะเหินเดินได้ในอัมพร”

มีสิบหน้ายี่สิบมือเลย...พอป่าว...นนทกรีบพยักหน้าหงึกๆ...พอๆๆๆ...เยอะกว่านี้เดี๋ยวจะเป็นกิ้งกือไปซะ...
แล้วกูเนี่ย  จะไปเกิดเป็นมนุษย์ธรรมดา  สองมือสองตีน...แล้วจะตามไปฆ่ามึงให้ได้  คอยดู...แล้วพระนารายณ์ก็ประหารนนทกทันที...

สิบหน้า  ยี่สิบมือ...ไม่ต้องเดาเลยใช่ไหมครับ...หน้าเยอะมือเยอะขนาดนี้  เป็นใครไปไม่ได้...นนทกนี่เอง  ที่ไปเกิดใหม่เป็นทศกัณฐ์...

มาดูโคตรเหง้าทศกัณฐ์กันหน่อย...ในหนังสือรามเกียรติ์  เล่ามาตั้งแต่สมัยทวด  สมัยปู่ของทศกัณฐ์เลย...เราไม่ต้องสนใจขนาดนั้น...เอาแค่ว่า...พ่อทศกัณฐ์ชื่อลัสเตียน  ครองกรุงลงกา...ทศกัณฐ์เป็นพี่คนโต...มีน้องหลายคน...น้องๆที่สำคัญคือน้องชายที่ชื่อ  กุมภกรรณ  กับ  พิเภก...น้องสาวชื่อ  สำมนักขา...

หลายคนที่เคยผ่านๆรามเกียรติ์มาบ้าง  อาจจะสงสัยว่า...อ้าว  พิเภก...ชื่อนี้แกอยู่ฝ่ายพระรามไม่ใช่หรอ...ทำไมเป็นน้องทศกัณฐ์ล่ะ...

มันยังงี้ครับ...พลันที่พระนารายณ์ประกาศก้อง  ก่อนตัดหัวนนทก...เหล่าเทวดาก็นั่งกันไม่ติด...พระนารายณ์จะอวตารไปเป็นคนธรรมดา  จะไปสู้กับทศกัณฐ์...โคตรพญาอภิมหายักษ์...ก็กลัวว่าถ้าแพ้ขึ้นมาเดี๋ยวได้เดือดร้อนกันทั้งสวรรค์...

คราวนี้ใครมีฤทธิ์มีเดชอะไรก็ขนไปช่วยกันยกใหญ่...บ้างก็ส่งอาวุธ  บ้างก็ให้คาถา  บ้างก็ไปสร้างลูกไว้ให้เป็นทหารพระราม...

ฝ่ายพระอินทร์ท่านหัวเสธ.ไม่เบา...ก็ส่งเทวดาลูกน้องคนสนิทจุติไปเป็นน้องทศกัณฐ์...แล้วเป็นไส้ศึกแปรพักตร์  มาคอยใบ้หวย...เอ๊ยไม่ใช่...คอยทำนายทายทักเหตุการณ์ล่วงหน้าให้ฝ่ายพระราม...ลูกน้ององค์นั้นก็กลายมาเป็น...พิเภก...


.....
ขอขอบคุณ เรื่องจาก
https://www.blockdit.com/posts/5c00a761396c9732bf74ebc7


« Last Edit: 13 March 2022, 11:08:23 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« Reply #1 on: 13 March 2022, 10:12:21 »


เล่าความรามเกียรติ์ 3...

ฝั่งผู้ร้ายคือทศกัณฐ์  ก็เกิดแล้ว...ฝั่งพระเอก...เดี๋ยว  ยังก่อน...ต้องให้ตัวรองๆมาเกิดก่อน...
เหล่าทหารทัพหน้าที่พากันมาเกิดรอพระรามก่อน...เราจะพูดถึงสักสามตัว หนุมาน  สุครีพ  และพาลี...

มีฤาษีตนนึง  บำเพ็ญพรตครองตัวเป็นโสดมานาน  จนถูกนกที่เลี้ยงไว้ปรามาสว่า  ท่านฤๅษีขนมจีน  คือไม่มีน้ำยาหาเมียไม่ได้ลูกก็ไม่มี...จิ้งจกทัก  โบราณยังให้หยุดฟัง...นี่นกทั้งตัวทัก...ก็เลยคิดจะมีลูกขึ้นมา...

จัดการก่อกองไฟ  เสกสาวสวยขึ้นมาได้คนนึง...เอามาเป็นเมีย (ง่ายดีอ้ะ...สอนมั่งฮี่)...จนมีลูกสาวคนนึง  ชื่อว่านางสวาหะ...

ส่วนบนสวรรค์...พระอินทร์กับพระอาทิตย์แกอยากจะช่วยพระนารายณ์สู้กับทศกัณฐ์  โดยจะใช้วิธี  ไปสร้างลูกเอาไว้ ...แต่...แหม  เทวดาสององค์แกนี่ก็จริงๆเลย...สาวโสดที่ไหนๆไม่เอา  จำเพาะต้องมาตีท้ายครัวชาวบ้าน...ก็เลยย่องมาฟีเจอริ่งกับเมียฤาษี  ตอนที่ผัวเขาไม่อยู่...จนได้ลูกชายออกมาสองคน...คนพี่ลูกพระอินทร์  ตัวสีเขียว...คนน้องลูกพระอาทิตย์  ตัวสีแดง...

ฤๅษีก็พาซื่อ...นึกครึ้มในใจว่า...เออ  กูก็ใช้ได้นี่หว่า  ขนาดแก่ๆไม่ได้ใช้งานมานานขนาดนี้...ยังได้ลูกมาตั้งสามคน...ก็หลงเลี้ยงไป...

จนวันนึงจะพาลูกข้ามน้ำ...มือนึงอุ้มลูกชายคนเล็ก  ลูกชายคนโตให้ขี่หลัง  ส่วนนางสวาหะลูกสาวคนโต...ให้เดินเองใช้จูงเอา...

นางสวาหะน้อยใจเลยตัดพ้อ...แหมพ่อ...ลูกตัวเองล่ะให้เดิน  ลูกคนอื่นดันอุ้มกะให้ขี่คอ...ฤๅษีถึงกะอึ้งสิครับ...ถามไปถามมา  นางสวาหะก็แฉหมดเปลือก...ตอนพ่อไม่อยู่น่ะ  แม่มีผู้ชายมาหาตั้งสองคน...แล้วก็ได้น้องสองคนนี่ออกมา...

ฤๅษีเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง...ความสงสัยก็รวมไปถึงนางลูกสาวนี่ด้วย...ทั้งสามหน่อนี่มันลูกกูจริงรึเปล่าวะ...ก็เลยใช้วิธี...จับเด็กทั้งสามคน...โยนแม่น้ำ...แล้วอธิษฐานว่า  ใครเป็นลูกของตน  ขอให้ว่ายน้ำกลับมา...ใครไม่ใช่  ขอให้ว่ายข้ามฝั่งไปเป็นลิงอยู่ในป่า...

นางสวาหะว่ายน้ำกลับมาได้คนเดียว...ส่วนเด็กอีกสองคน  ว่ายข้ามไปอีกฝั่งของแม่น้ำ...กลายเป็นลิงไปอยู่ในป่า...

ฝ่ายพระอินทร์กับพระอาทิตย์...เห็นลูกสองคนของตน  ต้องกลายเป็นลิงเร่ร่อนอยู่ในป่า...แต่ถ้าปล่อยไว้ยังงี้  เสียชื่อลูกเทวดาใหญ่หมด...ฤๅษี  มึงไม่เลี้ยงลูกให้กู...กูไม่แคร์โว้ย...เนรมิตเมืองให้เองก็ได้...อยากให้อลังขนาดไหน  จัดไป...อ้าว  แล้วเมืองเปล่าๆจะมีประโยชน์อะไร...ได้ซี้...เมืองเปล่าๆซะที่ไหน...

“แล้วอ่านมนตราชัยชาญ
เรียกเทพบริวารลิงไพร ฯ
ตั้งเป็นเสนาสามนต์
รี้พลทวยหาญน้อยใหญ่
ให้ตรวจตรารักษากรุงไกร
นอกในพื้นพวกพานรินทร์
แล้วขนานนามราชธานี
ชื่อว่าบุรีขีดขิน”

...พิภพวานรนี้  ชื่อเมืองขีดขิน...ข้าทาสบริวารมีพร้อม...ก็ลิงทั้งนั้นแหละครับ  คงเกายุกเกายิกกันทั้งเมือง...ลูกพระอินทร์โตกว่าเป็นเจ้าเมือง  ชื่อ พญากากาศ...ลูกพระอาทิตย์เด็กกว่าเป็นอุปราช  ชื่อ  สุครีพ...

ส่วนฤาษี...กลับบ้านก็ไปเฉ่งเอากับเมีย...เมียก็ไปเฉ่งต่อกับลูกสาว...หาว่าเป็นหนอนบ่อนไส้...แหม  เจ๊ก้อ...ตัวเองทำผิดแล้วยังมาโทษลูกสาว...สาปลูกสาวให้ไปอยู่ที่เขาจักรวาล...ยืนขาเดียว  มือเหนี่ยวกิ่งไม้  ข้าวปลาน้ำท่าไม่ต้องกิน...กินลมเป็นอาหาร...เมื่อไหร่มีลูกเป็นลิงจึงจะพ้นคำสาป...

คราวหน้า...ถึงคราวหนุมานถือกำเนิดล่ะครับ...

............................................


เล่าความรามเกียรติ์ 4...

สุครีพมาแล้ว  พญากากาศ  หรือพาลีในอนาคตก็มาแล้ว...พระอิศวรก็ยังไม่วางใจ...ขออีกหน่อยน่าให้อุ่นใจ...ส่องๆดูแล้วก็ชี้เปรี้ยง...ฝากนางสวาหะนี่แหละวะ...

ว่าแล้วก็เรียกเทพแห่งลม...พระพายมาเฝ้า...ฝากอาวุธประจำกายของตนสามอย่าง  รวมทั้งแบ่งกำลังให้ด้วย...ช่วยไปจัดการที...

พระพายก็ไปจัดการ...ทั้งอาวุธสามอย่าง  รวมทั้งอิทธิฤทธิ์พละกำลังที่พระอิศวรแบ่งมาให้...โดยไม่ต้องดูกันล่ะว่าฟันฟางจะหัก  ปากจะเยินรึเปล่า...ทั้งหมดนี้ก็ซัดโครมเข้าปากนางสวาหะ...ที่ยืนตีนเดียวเหนี่ยวกินลมอยู่...จนตั้งท้อง...บ๊ะ  ช่างเป็นไปได้...

สามสิบเดือนแน่ะ...ที่อุ้มท้องไปไหนมาไหนก็ไม่ได้  นานกว่าช้างตั้งท้องอีก...สุดท้ายนางก็คลอดลูกเป็นลิง  แต่ไม่ใช่ลิงธรรมดา...เป็นลิงเผือกเหาะออกมาทางปากแม่...ตัวโตเหมือนอายุสิบหกทันทีที่คลอด...แถมเมื่อแผลงฤทธิ์  ยังมีสี่หน้าแปดมือ  พร้อมออปชั่นอีกเพียบ

ลอยอยู่ตรงพักตร์พระชนนี
รัศมีโชติช่วงในเวหา
มีกุณฑลขนเพชรอลงการ์
เขี้ยวแก้วแววฟ้ามาลัย
หาวเป็นดาวเดือนรวีวร
แปดกรสี่หน้าสูงใหญ่

...แผลงฤทธิ์ซะใหญ่โตเสร็จ...ยังอุตส่าห์เหาะลงมา...ดูดนมแม่...อุ้ย...น่ารักอ้ะ

...นางสวาหะก็ลูบหัวลูบหลัง  เพราะรู้ว่าจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน...สั่งไว้ว่า  ไอ้ออปชั่นต่างๆที่มีติดตัวน่ะ...คนทั่วๆไปจะไม่เห็นหรอก...ในสายตาคนทั่วไป  เจ้าเป็นจ๋อเผือกตัวน้อยๆเท่านั้นนะจ๊ะ...แต่ถ้ามีใครมาทักเรื่อง  กุณฑล(ตุ้มหู)  ขนเพชร  เขี้ยวแก้ว  แล้วล่ะก็...นั่นแหละ  นารายณ์อวตาร...ให้รีบเขียนใบสมัครทันที

ต่อมา  หนุมาน ก็ได้ไปเฝ้าพระอิศวร...ท่านก็สอนคาถาอีกหลายบท  รวมทั้งประทานพรว่า  ถึงจะถูกฆ่าตาย...แต่เมื่อลมพัดมาก็ให้ฟื้น...

ยังมีลิงอีกตัว...ตัวนี้เกิดจากขี้ไคลพระอิศวรเอง...ระหว่างที่รอว่าจะมีใครมาขออะไร...พระองค์ก็ถูๆปั้นๆเสกๆ...เกิดเป็น  ชมพูพาน  ขึ้นมา...ระดับลิงจากขี้ไคลพระอิศวรแล้ว...ถึงแม้เรื่องฤทธิ์จะไม่เท่าไหร่  แต่แกจะเก่งเรื่องหยูกยา  เรียกว่าเป็นนายแพทย์ชมพูพาน...เสนารักษ์ประจำกองทัพ...

หนุมานกับชมพูพาน...ก็ไปอยู่เมืองขีดขินของพญากากาศ  และสุครีพ...ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้าของตนเอง...

มีอยู่วันนึง...ยักษ์กับเทวดาคู่นึงทะเลาะกัน...เหวี่ยงกันไปเหวี่ยงกันมา...โคร้มมม...ไปถูก เขาพระสุเมรุ จนเทวดาตาย...แต่ที่เดือดร้อนก็คือ...เขาพระสุเมรุถึงกับทรุดเลยฮะ...หมดระยะประกันแล้วด้วย...เทวดาก็ต้องช่วยกันมาลงแขก...ทั้งฉุดทั้งดันยังไง้ก็ไม่เคลื่อนเข้าที่...

พี่น้องสองลิง...พญากากาศ  กับสุครีพบอก...มาเดี๋ยวจัดการให้...ตัวนึงฉุดตัวนึงดัน  เขาพระสุเมรุก็เข้าที่...เทวดาตบมือโห่ร้องกันเกรียวกราว...

งานเสร็จแล้ว  ก็ต้องขึ้นไปรับรางวัลสิฮะ...พญากากาศเป็นพี่  ได้รางวัลใหญ่หน่อย...พระอิศวรเปลี่ยนชื่อให้เป็น พาลี...แถมให้พรว่า...เวลาไปสู้กับใคร  ให้ศัตรูมีกำลังลดลงไปครึ่งนึง  แล้วไอ้ส่วนที่ลดลงไปเนี่ย  ให้มาเพิ่มให้กับพาลี...โห...ยังงี้สู้กับใครก็ชนะหมดสิฮะ...

ส่วนสุครีพ...พระอิศวรประทานหญิงงาม...นางดารา...ใส่ผะอบฝากพาลีไปให้...โดยพาลีสาบานไว้ว่า  ถึงจะสวยแค่ไหน  ก็จะไม่คาบไปแด๊กซ์ซะเอง...

แต่พอไปถึงเมืองเปิดออกดูเท่านั้นแหละ...ลืมหมดที่สาบงสาบานเอาไว้...นางดาราเสร็จพาลีไปซะ...ส่วนสุครีพก็...อดไป...

...ไอ้เรื่องผิดคำสาบานเนี่ย  ไม่ว่าสมัยนี้หรือสมัยโบราณ...เขาก็ถือกันว่าสำคัญ...การที่พาลีหน้ามืด  ฉกหญิงงามที่เป็นรางวัลของสุครีพ  ไปครอบครองซะเอง...ร้ายแรงถึงชีวิตในอนาคต...




« Last Edit: 13 March 2022, 10:17:41 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« Reply #2 on: 13 March 2022, 10:24:47 »


เล่าความรามเกียรติ์ 5...

ข้ามมาอีกฝั่งนึงมั่ง...หลายคนคงเคยคุ้นชื่อ  นางมณโฑ...บางคนมีต่อให้ด้วย...นางมณโฑ  นมโตข้างเดียว...ผมก็ไม่รู้ว่าชื่อแบบนี้มันมาจากไหน...แต่เอาเป็นว่า  นางมณโฑคนนี้  ตามบทจะมาเป็นเมียทศกัณฐ์...

เริ่มแรก  นางมณโฑเป็นกบ...ใช่ฮะ...กบ อ๊บๆนั่นแหละฮะ...เริ่มต้นจากมีฤๅษีสี่ตน  บำเพ็ญเพียรอยู่ในป่า...ทุกๆเช้าจะมีฝูงวัวตัวเมียแวะเวียนมาบริจาคนมสด...ตัวละหยดสองหยดจนเต็มอ่างแก้ว...ให้เป็นอาหารแก่ฤๅษีทั้งสี่...พอฤๅษีกินอิ่มแล้ว  ก็จะแบ่งนมส่วนนึงให้กับกบตัวเมียที่มาป้วนเปี้ยนอยู่แถวนั้นทุกวัน...จนสนิทสนมกันดี

มีอยู่วันนึง...มีนางนาคที่มาจากเมืองบาดาล...ไม่รู้ไปดูหนังเอวีมาก่อนรึเปล่า  เกิดอารมณ์จนหักห้ามใจไม่อยู่...หันซ้ายหันขวา  เจองูดิน...เอาวะ  งูดินก็งูดิน...ช่วยเจ๊หน่อยแล้วกัน...นางนาคไฮโซจากบาดาล  ก็ซั่มกับงูดินอย่างไม่ลืมหูลืมตา...

แก๊งค์ฤๅษีมาเห็นเข้า...แหมอีนี่  มึงนี่ไม่เลือกชั้นวรรณะเลยนะ  เป็นถึงนางนาคดันมาเล่นกะงูดิน  ม่านรูดก็มีเสือกไม่ไป...เอาไม่เท้าเคาะให้รู้ตัว  จนนางนาคอายมุดดินลงไป...แต่ไม่ใช่แค่อายฮะ...นางนาคแกแค้นด้วย  ที่ฤๅษีแอบมาเห็นดาร์คไซด์ของแก...ก็จะต้องเอาคืน...โดยการ...เมื่อวัวบริจาคนมเรียบร้อยแล้ว...นางนาคแอบไปพ่นพิษใส่...กะว่าฤๅษีตายยกแก๊งค์แน่...

แต่เหตุการณ์นี้...นางกบเห็น...ด้วยความกตัญญู  อยากจะเตือนฤๅษี...แต่ พูดก็พูดไม่ได้  ไม่รู้จะทำยังไง...พลีชีพโดดลงอ่างนม...เจอพิษนางนาคเข้าให้ก็...เด๊ด...

ฤๅษีมาเห็นกบลอยตายอยู่ในอ่างนมเข้า  ก็ด่าสิฮะ...แหม  อีนังกบ  ให้กินทุกวันไม่พอใจหรอ  ตะกละจนตายนะมึงเนี่ย....ยังไม่สะใจ...ด่าตอนมันตายมันคงไม่รู้เรื่อง...ต้องชุบชีวิตขึ้นมาด่าต่อ...

เรื่องกลับกลาย  เมื่อนางกบฟื้นขึ้นมาเล่าความจริงให้ฟัง (อ้าว  ทำไมตอนนี้พูดได้ขึ้นมาล่ะ)...ฤๅษีก็เลยอยากจะตอบแทนคุณงามความดี...รวมพลังทั้งสี่  แปลงให้นางกบกลายเป็นสาวงาม...งามแค่ไหนลองอ่านดู

งามพักตร์ยิ่งชั้นมหาราช
งามวิลาสล้ำนางในดึงสา
งามเนตรยิ่งเนตรในยามา
งามนาสิกล้ำในดุษฏี

งามขนาด “ทั้งหกห้องฟ้า มิหาได้” ก็แล้วกันล่ะ...และตั้งชื่อให้ว่า  มณโฑ

แต่สาวงาม  จะมาอยู่ท่ามกลางฤๅษีโสดๆ  ที่ถึงจะแก่หงำเหงือกก็เถอะ...มันอาจจะวงแตกเอาได้...ก็เลยพาไปถวายพระอิศวร...พระอิศวรคงจะเห็นเมียนั่งตาเขียวอยู่ข้างๆ...ก็  เอ้าๆๆ...ไปเป็นคนรับใช้เมียข้าก็แล้วกัน...นางมณโฑก็เลยได้ไปอยู่กับพระอุมา...

แต่กว่าที่นางมณโฑจะได้ไปเป็นเมียทศกัณฐ์  ก็ไม่ใช่จะราบรื่น...เริ่มจาก เขาไกรลาส ทรุด...อ้าว  ทำไมทรุดได้...ไม่ใช่เพราะวิศวกรตอกเข็มไม่ดี...แต่เพราะมียักษ์ตนนึง...ดั๊นนน มาทะเลาะกับตุ๊กแก (ไม่มีใครให้ทะเลาะแล้วหรอ)...แต่ไม่ใช่ตุ๊กแกกระจอกๆ  แบบเหยียบทีเดียวแบนนะฮะ...มีฤทธิ์ขนาดเทวดาต้องออกแรง...ซัดกันไปซัดกันมาจนทำเขาไกรลาสทรุด...

พระอิศวรท่านก็ใจเย็นน่าดู...นอนอยู่ดีๆ  มีคนมาทะเลาะจนบ้านของตัวเองทรุด...ไม่เอาเรื่องแถมยังตั้งรางวัล...ใครยกเขาไกรลาสให้ตรงได้เหมือนเดิม...ให้รางวัลไม่อั้น...ขออะไรได้หมด...

เขาไกรลาสเป็นที่อยู่ของจอมเทพอย่างพระอิศวร...เรื่องความใหญ่ไม่ต้องพูดถึง...อิตาเลี่ยนไทย  ช.การช่าง...ต่างก็ส่ายหน้า  ไม่สามารถยกได้...สุดท้ายคนที่จัดการให้  ต้องเป็นยักษ์ที่กำลังมือขึ้น...พละกำลังรวมถึงอิทธิฤทธิ์เป็นที่คร้ามเกรงไปทั่ว...ทศกัณฐ์...

............................................


เล่าความรามเกียรติ์ 6...

ถ้าทศกัณฐ์มาอยู่สมัยนี้ก็ดีสิ...ปิดกรุงเทพซักระยะ  จ้างแกสร้างรถไฟฟ้า  จะเอากี่สายก็เหมาไป...อาทิตย์สองอาทิตย์น่าจะเสร็จหมด...
ทศกัณฐ์  ซึ่งตอนนี้ครองกรุงลงกาแทนพ่อแล้ว...พอได้รับคำสั่งจากพระอิศวร  ให้มาซ่อมบ้านให้หน่อย...ก็แสดงฤทธิ์แปลงร่างทันที

ใหญ่เท่าบรมพรหมมาน
 ตระหง่านเงื้อมพระเมรุคีรีศรี
ตีนเหยียบศิลาปัถพี
อสุรีเข้าแบกยืนยัน

ยี่สิบกรกุมเหลี่ยมเขา
เท้าถีบด้วยกำลังแข็งขัน
ลั่นเลื่อนสะเทือนหิมวันต์
เขานั้นก็ตรงคืนมา ฯ

ยกเขาไกรลาสจนตรงเหมือนเดิมได้...แต่การเบ่งกล้ามของทศกัณฐ์ครั้งนี้  ก็เล่นเอาเหล่าทวยเทพพากันกลุ้มอกกลุ้มใจ  หันหน้าปรับทุกข์กันยกใหญ่...เว้ยเฮ้ย...เดี๋ยวนี้ยักษ์แม่งเก่งขนาดนี้...ต่อไปพวกเราไม่แย่หรือวะ...

ฝ่ายทศกัณฐ์พอทำภารกิจเสร็จ  ก็เข้าเฝ้าพระอิศวร  จะขอรางวัลตามที่ลั่นไว้...เอ้า  เอ็งอยากได้อะไร...ทศกัณฐ์เองไม่รู้ไปกินดีหมี  หัวใจเสือมาจากไหน...ถึงได้กล้าเอ่ยปาก...อ้า  คือ  พระอุมาสวยดีพระเจ้าข้า...ขอเมียพระองค์เป็นรางวัลก็แล้วกัน...หูยยย...โคตรกล้าว่ะ...

พระอิศวรถึงกับกัดฟันกรอด  อีนี่แม่งโคตรกำเริบนะมึง...แต่ทำไงได้...ออกปากไปแล้วนี่  ว่าใครขออะไรก็จะให้...เอาซี่...ถ้ามึงอยากได้เมียกูจริง...มึงมาอุ้มไปเอง...

แต่พอทศกัณฐ์จะเข้ามาอุ้ม...แตะพระอุมาตรงไหนก็ร้อนเหมือนจับกองไฟ...ต้องฝืนยกได้แต่เท้าทูนเหนือหัวไว้  เหาะกลับลงกา...แต่สุดท้ายก็เอาไม่อยู่ต้องมาขอเทิร์น  เอาสาวใช้ของพระอุมาไปแทน...ก็คือนางมณโฑสุดสวยนั่นเอง...ทศกัณฐ์ก็อุ้มเหาะกลับลงกา...

แต่ยัง...เรื่องไม่ได้ง่ายยังงั้น...ทศกัณฐ์ดันเหาะเข้าไปในเขตเกาหลีเหนือ...เอ้อ  ไม่ใช่...เมืองขีดขิน...พาลีประชุมครม.อยู่...เฮ้ย  อะไรมันบินเฟี้ยวววว  ข้ามหัวกูไปวะ...ไม่ต้องส่งเครื่องบินขับไล่ไปสกัด...ตัวเองนี่แหละ...เหาะขึ้นไปขวาง  ท้ากันไปท้ากันมาได้ไม่เท่าไหร่...เฮ้ย  อีนางที่มันอุ้มมานี่โคตรแหล่มเลยนี่หว่า...จากเรื่องบินล้ำน่านฟ้า  กลายเป็นเรื่องแย่งผู้หญิงไปทันที...

ทศกัณฐ์เองแกมือเยอะจัด...อุ้มมณโฑมือนึง  อีกสิบเก้ามือใช้ต่อสู้  รำอาวุธเป็นพัลวัน...แต่ถึงขนาดนั้นก็เถอะ...พาลีเค้าได้พรมาจากพระอิศวรไงเล่า...กำลังของทศกัณฐ์ครึ่งนึงถูกแบ่งไปให้พาลี...สู้ยังไงก็แพ้ครับ...พอแพ้ก็ถูกยึดผู้หญิงไปซะ...

มณโฑ...นางกบยอดกตัญญู...แทนที่จะได้เป็นเมียยักษ์...ต้องเริ่มไปเป็นเมียลิงก่อน  จนตั้งท้อง...ฝ่ายทศกัณฐ์...พระอุมาก็แตะต้องไม่ได้...ไปแลกนางมณโฑมา...ก็ถูกปล้นไปซะอีก...เสียใจเสียศักดิ์ศรี  ถึงกินไม่ได้นอนไม่หลับ...สุดท้ายต้องไปหาฤๅษี  ที่เป็นอาจารย์ของพาลี...

มณโฑ...นางกบยอดกตัญญู...แทนที่จะได้เป็นเมียยักษ์...ต้องเริ่มไปเป็นเมียลิงก่อน  จนตั้งท้อง...ฝ่ายทศกัณฐ์...พระอุมาก็แตะต้องไม่ได้...ไปแลกนางมณโฑมา...ก็ถูกปล้นไปซะอีก...เสียใจเสียศักดิ์ศรี  ถึงกินไม่ได้นอนไม่หลับ...สุดท้ายต้องไปหาฤๅษี  ที่เป็นอาจารย์ของพาลี...

สิบปากของทศกัณฐ์  คงจะอัดอั้นฟ้องฉอดๆๆๆหูดับตับไหม้...จนอาจารย์ของพาลียอม...เอ้อๆๆ  พอแล้วๆๆ  ใช่ๆๆลูกศิษย์กูมันทำไม่ถูก...เดี๋ยวจะไปต่อว่าให้...ก็พากันไปหาพาลี

พาลีพอเจอหน้าอาจารย์ตัวเองก็เกรงใจ...แต่เอาไงดี...จะคืนนางมณโฑให้  ตอนนี้ก็โทต๊องซะแล้วง่ะ...ฤๅษีบอกไม่เป็นไร...กูมันหมอศัลย์เก่าพอช่วยได้...ก็ใช้เวทย์มนต์แหวะลูกออกมาตอนนี้เลย  ฝากท้องแพะไว้ก่อน...

ทศกัณฐ์ก็ได้นางมณโฑแบบท้องแฟบๆกลับไปครอง...ส่วนลูกที่ฝากท้องแพะไว้...พอครบกำหนด...ฤๅษีก็ทำหน้าที่หมอตำแยให้...ผ่าเด็กออกมา...พ่อเป็นลิง  ลูกก็ต้องเป็นลิงเหมือนกัน...ชื่อ องคต...
 
ถึงตอนนี้...พระรามก็ยังไม่มานะฮะ...




Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« Reply #3 on: 13 March 2022, 10:32:04 »


เล่าความรามเกียรติ์ 7...

พาลีก็เลี้ยงดูองคตลูกรัก  โดยให้นางดารา...ก็หญิงงามที่ตนยึดมาจากสุครีพนั่นแหละ...เป็นแม่เลี้ยง

พอองคตโตสักสิบขวบ...ก็จัดพิธีให้อาบน้ำในแม่น้ำยมนา  ซึ่งเป็นแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์...

ฝ่ายทศกัณฐ์  ถือคติแก้แค้นสิบปีไม่สาย...คอยสอดส่องความเคลื่อนไหวอยู่ตลอด...พอรู้ว่าองคต...มารหัวขน (ที่จริงก็ขนทั้งตัวแหละ...ลิงนี่หว่า)...จะทำพิธีสรงน้ำที่แม่น้ำยมนา...ก็จัดแจงแปลงกาย...เป็นปูยักษ์ไปซุ่มอยู่ในแม่น้ำ...ไอ้เด็กน้อยลงมาเมื่อไหร่  กูจะหนีบให้ขาดกลางเลยล่ะมึง...

แต่ก่อนองคตจะลงแม่น้ำ...ก็ต้องมีลิ่วล้อลงไปสำรวจก่อน  เผื่อจะเจอสัตว์ร้ายอะไรเข้า...แล้วก็เจอจริงๆ...ปูทศกัณฐ์นอนโชว์ก้ามอยู่ใต้น้ำ...ก็ร้องเจี๊ยกวงแตกขึ้นมารายงานท่านเจ้าเมืองทันที...

พาลีรู้ข่าวก็สั่งเตรียมพริกไทดำ...วันนี้กูจะกินปูอบพริกไทดำให้อร่อยละเว้ย...โดดโครมลงน้ำ...พอทศกัณฐ์เห็นโจทย์เก่าก็ใจคอไม่ค่อยดีแล้ว...ฝืนใจสู้กันอยู่พักนึง...แพ้อีกล่ะครับ...ทศกัณฐ์ถูกจับและมัดเอาไว้ก่อน...อยู่เฉยๆนะมึง...เดี๋ยวกูมีอะไรหนุกๆมาเล่นด้วย

กลับไปทำพิธีต่อ...พอองคตทำพิธีเสร็จ...ลูกรัก  พ่อมีของเล่นใหม่มาให้...อะไรครับพ่อ...นี่ไงลูก...ปูยักษ์...หน้าตามันกวนบาทาดีมั้ยลูก...อยากเล่นอะไรเล่นเลย...เอาให้หนัก...องคตก็เลย

จึ่งจูงทศกัณฐ์ลากเล่น
เช้าเย็นเป็นสุขเกษมสันต์
แล้วเอาข้าวเดนนางกำนัล
ให้กินวันละปั้นทุกเวลา ฯ

...โถๆๆๆๆทั่นทศกัณฐ์  ผู้เคยยกเขาไกรลาสด้วยกำลังตน...ตกอับได้ขนาดนี้...จนครบเจ็ดวันเห็นว่าทรมานพอแล้ว...ประทานปี๊บให้ใบนึง  ทศกัณฐ์ใช้คลุมหัวเหาะกลับลงกาไป...

กลับไปคราวนี้ทศกัณฐ์ถึงกับต้องไปทำพิธีถอดดวงใจฝากไว้กับฤๅษีที่เป็นอาจารย์...คราวนี้ล่ะ...ใครก็ฆ่าไม่ตาย...ทศกัณฐ์อัพเลเวลร้ายกาจขึ้นไปอีกเยอะ...

ผมได้ยินเพลงร่วมสมัย  ที่กล่าวถึงว่า...ทศกัณฐ์นี่น่าสงสารนะ  ถึงร้ายก็รักสีดาจริงจังนะ...อะไรทำนองนั้น...

แต่...แหม...ถ้าใครได้อ่านรามเกียรติ์จริงๆ  คงจะพอรู้นิสัยทศกัณฐ์  ไม่ใช่แค่เจ้าชู้...แกเข้าขั้นบ้ากามเลยล่ะครับ...มีอยู่ช่วงนึง  แกปลอมตัวเป็นพระอินทร์  เหาะขึ้นไปสวรรค์...สนมกำนัลพระอินทร์มีเท่าไหร่...แกใช้เวลาถึงเจ็ดวัน...ฟาดเรียบ...

ไม่ใช่แต่กับมนุษย์หรือนางฟ้านะฮะ...กับสัตว์ก็เอา...แปลงร่างเป็นปลา...ไปเอากะปลา...จนมีลูกสาวชื่อสุพรรณมัจฉา  เรียกตามประสาชาวบ้านก็  แม่ปลาทอง...ไม่พอ  แปลงเป็นช้างไปปล้ำช้าง...จนมีลูกแฝดตัวเป็นยักษ์หัวเป็นช้าง...มีลูกกับสนมกำนัลของตัวเองอีกเป็นพัน...แล้วยังงี้สีดาจะรักลงไหมเนี่ย...ส่วนอีกเหตุผลนึง  ขออุบไว้ก่อน...เป็นเหตุผลที่สำคัญมากๆ  ว่าทำไม...ทศกัณฐ์ถึงไม่มีทางได้นางสีดาเป็นเมีย...

แต่ในบรรดาลูกๆของทศกัณฐ์...ลูกคนสำคัญที่สุดก็คือลูกกับเมียเอก...นางมณโฑ  ชื่อ  รณพักตร์

...เจ้านี้ก็ห้าวเป้งไม่แพ้พ่อเหมือนกัน  ไปเรียนวิชาจากอาจารย์ของพ่อ...แล้วยังไปทำพิธีอดหารประท้วงอยู่หน้าทำเนียบ...ทำเนียบของเทพเจ้าใหญ่ๆ  ไม่ใช่ทำเนียบรัฐบาลนะครับ...

เรียกร้องจนได้ข้าวของมาเพียบ...ได้ศรศักดิ์สิทธิ์มาสามเล่ม...ได้คาถาแปลงกาย...ได้พรนู่นนี่นั่นมาหลายอย่าง...ตามประสาลูกคนใหญ่คนโต...ขออะไรก็ดูง่ายไปหมด...

ฝึกวิชาเสร็จแล้ว  อาวุธวิเศษก็เพียบ...ต้องลองของกันหน่อย...ก็ไปหาเรื่องกับพระอินทร์...โห  ใจร้ายอ้ะ  เทครัวเค้ามาซะเกลี้ยงแล้วยังไม่พอ...เฮ้ย พระอินทร์สู้ไม่ได้จริงๆด้วย  ต้องเผ่นแน่บไป...ยึดอาวุธของพระอินทร์มาได้ชิ้นนึง  คือจักรแก้ว...

เหาะหน้าบานกลับมาอวดพ่อ...ไอ้พ่อก็หน้าบาน  เห่อไม่แพ้ลูกเหมือนกัน...เลยตั้งชื่อให้ลูกใหม่  เปลี่ยนจากรณพักตร์เป็น...อินทรชิต...แปลว่า...ผู้พิชิตพระอินทร์...พิชิตได้ทั้งหน้าบ้านหลังบ้านเลยล่ะ (ชื่อมันโคตรเย้ยพระอินทร์เลยอ่ะ)

............................................


เล่าความรามเกียรติ์ 8

มีตัวละครอีกตัวที่มีบทบาทสั้นๆในเรื่อง...และสุดท้ายก็ต้องมาสู้รบกับพระราม...ขอสาวประวัติย้อนไปลึกหน่อย  เพราะชื่อของตัวละครตัวนี้  รวมไปถึงสำนวนที่เกี่ยวข้อง...คุ้นหูคนไทยมาก...คราวนี้จะได้รู้ที่มาที่ไปล่ะ

“ไอ้ทรพี”...คงจะคุ้นชื่อนี้กันดีนะครับ...รวมไปถึงเข้าใจความหมายกันดี  ว่าหมายถึงคนที่ฆ่าบุพการีตัวเอง...

ทรพี...ที่จริงคือชื่อควายครับ...

เริ่มต้นจาก...มีเทวดาระดับกลางๆ  ซีไม่ค่อยสูงนัก...แกไปกุ๊กๆกิ๊กๆกับนางฟ้า  จนถูกลงโทษ...ถูกสาปให้ไปเกิดเป็นควาย...แถมมีใบสั่งติดตัวมาด้วยว่า...จะถูกลูกตัวเองฆ่า...

...ก็มาเกิดเป็นควายชื่อ ทรพา...แต่ไม่ใช่ควายทำไร่ไถนาทั่วๆไป...พี่ทรพานี่แกเป็นใหญ่อยู่ในป่า...มีฮาเร็มส่วนตัวเลยเชียว...ครอบครองควายสาวสวยถึง...ห้าพันตัว...ว้าววว  แหล่มโคตรๆ

ด้วยความที่รู้ตัวว่ามีคำสาปติดตัวมา...เวลาเมียตัวไหนของแกคลอดลูก...ถ้าเป็นตัวผู้  แกฆ่าทิ้งหมด...แต่ตามสูตรสำเร็จของนิยายล่ะครับ...มีนางควายที่ลอดหูลอดตาไปได้ตัวนึง...พอตั้งท้อง  ก็ไปแอบอยู่ในถ้ำจนคลอดลูกออกมาเป็นตัวผู้ชื่อ...ทรพี

ก่อนที่นางควายตัวแม่จะต้องจากไป  ก็เล่าให้ลูกทรพีรู้ความจริง  และให้ระวังตัวอย่าให้พ่อทรพารู้ว่ามีตัวตนอยู่...ไม่งั้นตายแน่

...แล้วนังแม่ก็ยังฝากฝังไว้กับเทวดาประจำถ้ำให้ช่วยเลี้ยงด้วย...เรื่องแบบนี้เราจะเจอบ่อยในรามเกียรติ์ฮะ...ประเภทไม่รู้จะเลี้ยงยังไงก็...ยกมือไหว้...เทวดาช่วยหน่อย...พวกเทวดาบ้านๆ  ที่ประจำอยู่ตามต้นไม้  ลำธาร  ภูเขา...ก็จำต้องรับจ๊อบเปิด angel nursery กันอยู่บ่อยๆ

เที่ยวนี้ต้องเลี้ยงควายฮะ...ประคบประหงมใกล้ชิดถึงหกองค์...สององค์ประจำเขา...อีกสี่องค์ประจำขาครบทุกข้าง...พอทรพีเริ่มเติบโตขึ้นมามีฤทธิ์มากขึ้นก็เริ่ม...

ลองเชิงเริงร้องคะนองไพร
ไล่เลี้ยวเสี่ยวขวิดหินผา
ตามสะกดบทจรทรพา
วัดรอยบาทาบิดาดู

นี่แหละฮะท่านผู้ชม...สำนวนที่ว่า “วัดรอยเท้า”...ก็มาจากทรพีนี่เอง...พอวัดรอยเท้าไปเรื่อยๆจนวันนึงพบว่า...เฮ้ยเท่ากันแล้วนี่...ก็ไม่กลัวมึงแล้ว...พ่อเพ่อกูไม่สน...ทรพีก็ออกตามหาทรพา  จนฆ่าทรพา...พ่อตัวเองตายในที่สุด...

ฆ่าพ่อตายแล้ว...คราวนี้ทรพีเหมือนกินยาบ้าเข้าไป...ท้าเทวดาไปทั่ว...เทวดาประจำป่า  ประจำเขา  แม่น้ำ  ทะลงทะเล...ควายบ้าตัวนี้มันท้าสู้ไปทั่ว...เทวดาก็คงกล้าๆกลัวๆ...จะไปสู้กับควายมันยังไงๆอยู่...เกิดแพ้ขึ้นมายิ่งน่าขายหน้า...ก็...เออๆๆๆๆ...มึงเก่งๆๆๆ...กูสู้มึงไม่ได้หรอก...บอกปัดกันมาเรื่อยๆ...

สุดท้ายควายบ้านี่ไม่รู้ติดยาหรือดมกาวหนัก...ห้าวขนาดไปท้าพระอิศวร...พระอิศวรถึงกับส่ายพระเศียร...กูไม่สู้กับมึงให้เสียศักดิ์ศรีหรอก...กูใช้วิธี...สาปโว้ย...โดยสาปให้ไอ้ทรพี...

มึงต้องไปสู้กับพาลี...แล้วถูกพาลีฆ่าตาย...เดี๋ยวก่อนอย่าเพิ่งไป  กูยังสาปไม่จบ...พอมึงตายแล้ว  ให้ไปเกิดเป็นยักษ์หลานทศกัณฐ์...กูตั้งชื่อให้เลยแล้วกัน...ชื่อ มังกรกัณฐ์...แล้วไอ้มังกรกัณฐ์ต้องถูกพระรามฆ่าตาย...ฮ่าๆๆๆๆ

ไม่รู้ต้องทวนกันหลายเที่ยวมั้ย...กว่าทรพีจะจำได้ว่าถูกสาปยังไงมั่ง...แต่สุดท้ายทรพีก็ลงจากเขาไกรลาส...ตามใบสั่ง...ไม่ใช่สิ...ต้องเรียกว่าใบสาป...บอกว่าให้ไปท้าสู้พาลี  เจ้าเมืองขีดขิน...

............................................


เล่าความรามเกียรติ์ 9

พอทรพีไปถึงพิภพวานร...ขีดขิน...ก็ไล่ขวิดชาวลิงกระเจิงไปทั้งเมือง...ปากก็ท้าตีท้าต่อย...ไหนเจ้าเมืองขีดขินที่ว่าแน่ๆ...มึงออกมาสู้กะกูหน่อย...

ก็เกิดฉาก  ลิงรบกับควายขึ้นมา...แต่ทรพีนี่ไม่ใช่เล่นๆนะฮะ...ระดับพาลี  ที่เคยจับทศกัณฐ์ไปให้ลูกลากเล่น...ยังไม่สามารถเอาชนะควายตัวนี้ได้...

เคล็ดลับมันอยู่ที่...เทวดาประจำเขา  ประจำขานั่นแหละ...เรียกว่าควายหนึ่ง  บวกเทวดาหก...ช่วยกันรุมพาลี...เลยไม่แพ้...

พาลีก็ชักตะหงิดๆ...เลยขอเจรจา...พี่ทุย...เรามาสู้กันกลางแจ้ง  ลิงมุงกันเป็นล้านแบบนี้...ใครแพ้ก็ขายหน้าเขาน้า...เอางี้...เราไปสู้กันในถ้ำแล้วกัน...ก็ตกลงย้ายวิกไปในถ้ำ

ก่อนเข้าไป  พาลีสั่งสุครีพ...พอพี่เข้าไปสู้กับควายในถ้ำ  ให้เอ็งเอาหินปิดปากถ้ำไว้เลยนะ  แล้วคอยดูเลือดที่ไหลออกมา...ถ้าเลือดมันใสๆล่ะก็...แปลว่ากูเด๊ดแล้ว...ซีลถ้ำไปเลยไม่ต้องเปิด...แต่ถ้าเลือดที่ไหลออกมามันข้นๆล่ะ...เลือดไอ้ทรพี...เอ็งเตรียมปิดเมืองฉลองได้เลย

พาลีสู้กับทรพีอยู่ในถ้ำไปสักพัก  เกิดสงสัยก็ถามไปว่า...เฮ้ยพี่ทุย  ที่พี่เก่งขนาดสู้กับกูได้ขนาดเนี้ย  สงสัยมีเทวดาคอยเป็นบอดี้การ์ดอยู่ใช่ป่าว...

ทรพีคงนึกว่า ตนเองปีกกล้าขาแข็งแล้ว...ก็เลยตอบไปว่า...ระดับกูเนี่ย  ไม่ต้องพึ่งเทวดงเทวดาที่ไหน...เจ๋งด้วยสี่ขาสองเขาของตัวเองโว้ย...

ตอบมายังงี้ก็เข้าทางสิครับ...พาลียุส่ง  ตะโกนลอยๆออกไปเลย...นี่ท่านเทวดา  ไอ้ควายบ้ามันอกตัญญูขนาดนี้  ยังจะช่วยมันอีกหรอ...เทวดาทั้งหก  ฟังทรพีพูดจาอวดเก่งแบบไม่เห็นหัว...ก็เซ็งสิฮะ

เมื่อนั้น
เทเวศซึ่งอยู่รักษา
ได้ฟังพาลีเจรจา
สุรารักษ์เห็นจริงทุกสิ่งไป

จึ่งว่ากาสรนี้ทรลักษณ์
จะรู้จักคุณเราก็หาไม่
ต่างองค์ต่างคิดน้อยใจ
เทพไทออกจากกายา

หมดบอดี้การ์ด...ทรพีก็หมดพิษสง...ไปได้ไม่กี่น้ำก็เสร็จพาลี...แต่แล้วเรื่องไม่เป็นเรื่องก็เกิดขึ้น...

ด้วยความที่เหล่าเทวดาต่างดีใจ  ไม่ต้องมาคอยหลบๆเลี่ยงๆควายบ้าอีกต่อไป...ก็ฉลองชัยด้วยการให้ฝนเทลงมาไม่ลืมหูลืมตา...เลือดข้นๆของทรพีที่ไหลออกมาจากถ้ำ...เจือจางไปกับน้ำฝน...กลายเป็นเลือดจางๆ

สุครีพ...แวะเวียนมาดูปากถ้ำทุกวัน...วันนี้  เฮ้ย...มีเลือดไหลออกมา...เป็นเลือดใสๆซะด้วย...เท่านั้นแหละ...  ร้องไห้ร้องห่ม  เข้าใจว่าพี่พาลีตายแล้วแน่ๆ...ก็ขนหินมาปิดปากถ้ำ  ฟูมฟายกลับเข้าเมือง

ส่วนพาลี...หิ้วหัวทรพีมาถึงปากถ้ำ...เฮ้ย  ใครเอาหินมาปิดวะ...ไอ้สุครีพแน่นอน...หนอย  มึงหวังจะขังกูอยู่ในนี้แล้วชิงเมืองกู...ก็ระเบิดหินออกมา  เผ่นเข้าเมืองด้วยความกริ้วเต็มร้อย

พอเจอหน้ากัน...ไม่ว่าสุครีพจะชี้แจงยังไง  พาลีก็ไม่ฟัง...ผลสุดท้าย...คราวนี้สุครีพได้ร้องไห้จริงๆ...ถูกไล่ออกจากเมืองไปอยู่ในป่า...

น่าเสียดายนะฮะ...ไม่ได้เสียดายสุครีพหรอก...พาลีต่างหาก...ฤทธิ์เดชระดับนี้  น่าจะมีบทบาทช่วยพระรามได้อีกเยอะ

ไกด์มาขนาดนี้...คงเข้าใจแล้วนะครับว่า...พาลี  หรือพญากากาศ...อายุไม่ยืนแน่นอน...


Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« Reply #4 on: 13 March 2022, 10:37:48 »


เล่าความรามเกียรติ์ 10...

เอาล่ะ...ถึงบทบาทตัวละครเอกของเรื่อง...พระรามบ้างแล้ว...

หลังจากที่ท้าทายกันมานาน  จนนนทกไปเกิดเป็นทศกัณฐ์สักพักใหญ่แล้ว...ถึงเวลาพระนารายณ์จะอวตารบ้าง...แต่การอวตารของเทพระดับเอลิสต์นี้  จะไปแบบเงียบๆหงิมๆไม่ได้...ต้องโกลาหลกันพอสมควร...

ก่อนอื่นเรามารู้จักองค์พระนารายณ์กันก่อน...บ้าน...อยู่ที่เกษียรสมุทร...ทะเลน้ำนม...เมียชื่อ  พระลักษมี...ที่นั่งเหรอ...ใช้พญานาคขดๆๆๆ  เป็นบัลลังก์นาค...เวลาไปไหนมาไหนล่ะ...ใช้อูเบอร์...ว้าย  ไม่ใช่...ขี่ครุฑเป็นพาหนะ...

ตรงนี้ขอแทรกเกร็ดไว้นิดนึง...ทำไมหนังสือราชการของไทย  ถึงต้องมีตราครุฑ...

เพราะเป็นความเชื่อ  ที่มาจากทางพราหมณ์ว่า  กษัตริย์ทุกพระองค์ของไทยคือ  พระนารายณ์อวตาร...ภาษาอังกฤษถึงเรียกว่า KING RAMA 9 , KING RAMA 10...แล้วครุฑที่อยู่บนหนังสือราชการ...ก็เหมือนเป็นตัวแทนพระองค์ไงล่ะ

...เอ้าต่อเรื่องพระนารายณ์...
อาวุธประจำกายก็มี  คฑา  จักร  และสังข์...
กระบวนการอวตารก็ต้องเอาให้รัดกุม  ไม่ใช่ว่าจะอวตารสุ่มๆไปเกิดท้องใครบ้านไหนก็ไม่รู้...มันไม่ได้

ก็เริ่มจาก  ว่าที่พระบิดาของพระรามในอนาคต...ชื่อ ท้าวทศรถ...เจ้าเมืองอยุธยา  ส่งฤๅษีเป็นทูตเหาะขึ้นเขาไกรลาส  ไปหาพระอิศวร...ช่วยบอกพระนารายณ์อวตารทีเหอะ...ยักษ์กำเริบกันใหญ่แล้ว...มาเกิดในครอบครัวข้าก็ดี...

พระอิศวรก็นั่งปรึกษากับองค์นารายณ์...พระนารายณ์เองก็ชักไม่ค่อยแน่ใจ...ไอ้ตอนเหยียบอกท้านนทกไปนี่...ข้าอาจจะพลั้งปากไปบ้าง...พอมันไปเกิดเป็นยักษ์ใหญ่โตขนาดนั้น...จะให้ข้าไปเกิดเป็นมนุษย์ตัวเปล่าเล่าเปลือย...กลัวจะเอาไม่อยู่...ขอพรรคพวกตามไปด้วย  ให้อุ่นใจหน่อยแล้วกัน

ก็ได้ข้อสรุปดังนี้...พระนารายณ์จะอวตารเป็นพระราม  มาเกิดเป็นลูกท้าวทศรถ...และพร็อพต่างๆ  รวมถึงศรีภรรยา...พระลักษมี...ก็จะตามไปเกิดด้วย...พระอิศวรก็สั่งเลย...

เจ้าไปเกิดเถิดเป็นกษัตริย์
สุริย์วงศ์จักรพรรดิมหาศาล
ทรงนามพระรามอวตาร
ในสถานกรุงศรีอยุธยา

จักรเป็นพระพรตยศยง
ถัดองค์พระนารายณ์เชษฐา
ฝ่ายสังข์บัลลังก์นาคา
เป็นพระลักษมณ์อนุชาฤทธิรอน

อันซึ่งคทาวราวุธ
เป็นพระสัตรุดชาญสมร
องค์พระลักษมีบังอร
ไปเกิดในนครลงกา
ชื่อว่าสีดานงลักษณ์

เรียกว่าย้ายสำมะโนครัวมากันหมด...ยังไม่พอ...เทวดาน้อยใหญ่พอรู้ว่าพระนารายณ์จะอวตาร  ปางนี้ถือเป็นปางใหญ่มาก...ก็กลัวจะตกสำรวจตอนเลื่อนขั้น...พากันแห่ลงมาเกิดช่วยพระรามอีกไม่รู้เท่าไหร่...เรียกได้ว่า  สวรรค์แทบจะเหลือแต่ รปภ.เลยเชียว

มาส่องดูบ้านท้าวทศรถกันหน่อย...แกเป็นกษัตริย์ครองกรุงศรีอยุธยา  มีเมียอยู่สามคน...พอแกส่งฤๅษีไปขอพระอิศวร  และทำพิธีตามที่กำหนดแล้ว  เมียทั้งสามก็ตั้งครรภ์  จนคลอดบุตรออกมา...

เมียคนแรก...มีบุตรคือพระราม...เมียคนที่สอง  ต้องจำชื่อหน่อยเพราะจะมีความสำคัญในช่วงต่อไป  ชื่อ นางไกยเกษี...มีบุตรคือพระพรต...และเมียคนที่สาม...มีบุตรสององค์คือ  พระลักษมณ์และพระสัตรุด

และด้วยพิธีเดียวกันนี่แหละ  ส่งผลจากอยุธยาข้ามไปถึงลงกา...ทำให้นางมณโฑตั้งครรภ์  คลอดลูกสาวชื่อ สีดา...

จำได้ไหมฮะ  เหตุผลที่ผมเคยบอกไว้ว่า  ทศกัณฐ์ไม่มีทางได้นางสีดาเป็นเมีย...ก็เพราะสีดาคือลูกสาวแท้ๆของทศกัณฐ์นั่นเอง...

อ้าว...แล้วมันเกิดอะไรขึ้น...พ่อลูกถึงไม่รู้จักกัน

มันยังงี้ฮะ...ตอนสีดาคลอดออกมา  เป็นทารกหน้าตาน่ารักเชียว...แต่แทนที่จะร้องอุแว้ๆๆ  เหมือนเด็กทั่วไป...แกดันร้องว่า “ผลาญราพณ์” ถึงสามครั้ง... “ราพณ์” ก็คืออีกชื่อหนึ่งของทศกัณฐ์...ราวณาสูร...แปลง่ายๆ  เหมือนหนูน้อยคลอดออกมาแล้วตะโกนว่า “พ่อกูตายๆๆ”...

แล้วก็แปลกที่คนอื่นได้ยินกันทั่ว  มีแต่ทศกัณฐ์กับนางมณโฑ  พ่อแม่เองกลับไม่ได้ยิน...แล้วตามขั้นตอน  ต้องให้มีการทำนายอนาคตสำหรับเด็กน้อย...หน้าที่เป็นของ  อาพิเภก...

พิเภกพอดูเลขผานาทีของหลานสาวแล้ว  ก็ถึงกับอึ้ง...แต่ด้วยจรรยาบรรณของหมอดู  ก็ต้องบอกไปตามความจริงว่า...เลี้ยงไม่ได้  นังหลานคนนี้...มันทำเราฉิบหายทั้งโคตรแน่...ต้องเอาไปถ่วงน้ำ...

............................................


เล่าความรามเกียรติ์ 11...

พอทศกัณฐ์ได้ยินพิเภกทำนายว่า  ต้องเอาลูกสาวที่เพิ่งเกิดไปถ่วงน้ำ...ก็อึ้งสิครับ...หัวจิตหัวใจพ่ออะนะ...ก็ต้องลองหา second opinion...

หันไปหาทีมโหราจารย์...ไหนพวกท่าน...ขอสามคำซิ  ลูกสาวข้านี่เอายังไง...บรรดาโหราจารย์ก็พร้อมใจกันประสานเสียง...

“เลี้ยงไม่ได้”...

เป็นอันว่ามติเอกฉันท์ราวกับ สนช. ของบางประเทศ...ทศกัณฐ์ต้องสั่งให้ลูกน้อง  นำทารกน้อยใส่ผอบทอง...ไปหย่อนลงแม่น้ำ...

แต่ก็รู้ๆกันอยู่นี่ครับ...ว่าทารกน้อยนั้น  คือใครมาเกิด...ถ้าเทียบสมัยนี้  ก็ประมาณเมียรัฐมนตรี  หรือเมียรองนายกฯ...พอมาตกระกำลำบากยังงี้...มีรึที่เทวดาระดับ อบต. อบจ.  จะอยู่เฉยได้...

ก็ต้องยกขบวนกันมาช่วยต้อนรับขับสู้เลี้ยงดู  ขับกล่อม  ให้อาหาร  ดอกบงดอกบัวอะไรก็ต้องเอามารองรับกันให้เอิกเกริก...แล้วก็ยังมีฤๅษีมาช่วยเลี้ยงอีกด้วยนะ...

เอ้า...ฝากนางสีดาให้เทวดาช่วยเลี้ยงสักพัก...ข้ามมาดูฝั่งพระรามกันบ้าง...

พระรามและน้องๆรวมสี่องค์...พอโตเป็นหนุ่มจบจากโรงเรียนอินเตอร์...ก็ไปต่อ...สำนักฤๅษีดังๆ...และทำพิธีนู่นนี่นั่น...จนพระอิศวรประทานศรให้องค์ละสามเล่ม...ความเก่งกาจของฝ่ายมนุษย์นี่...ก็อยู่ที่ศรนี่แหละครับ...เทียบกับสมัยนี้ก็โทมาฮอก...ระดับนั้นเลย

ปรากฏว่าศรที่พระรามได้จากพระอิศวรมา  สุดยอดทั้งนั้น...ก็แหม...พระอิศวรก็รู้อยู่แก่ใจว่าพระรามคือใคร...เพิ่งอวตารไปแหม็บๆ...ยังงี้ต้องจัดเต็มแน่นอน...ลองมาดูฤทธิ์เดชของศรพระรามหน่อย...

ฟ้าแลบไม่ทันสิ้นแสง
ศรสามเล่มแผลงไปได้หมด
พรหมาสตร์ไปชั้นโสฬส
เร็วดั่งจักรกรดสุรกานต์

อันอัคนิวาตฤทธิรอน
เป็นดวงทินกรฉายฉาน
พลายวาตไปเขาจักรวาล
ลงสู่บาดาลแล้วกลับมา

ฝั่งพระรามก็เติบโต  มีฤทธิ์มีเดชกันแล้ว...ฝั่งนางสีดา...ฤๅษีที่เลี้ยงดูมาแกชื่อ มหาชนกฤๅษี...เดิมเป็นกษัตริย์อยู่...พอมามีภาระต้องเลี้ยงดูเด็กแบบนี้ก็ชักไม่ค่อยก้าวหน้า  ทางด้านถือศีลกินเพล...ก็เลยตัดสินใจกลับไปครองเมืองเป็นกษัตริย์ชื่อ...ท้าวชนก...พร้อมกับนำสีดาที่ตอนนี้เป็นสาวสวย...ในฐานะพระธิดากลับไปด้วย...

จะว่าไป...เมียท้าวชนกนี่ก็ใจกว้างเป็นทะเลเชียวล่ะ...พระสวามีลาไปเป็นฤๅษีอยู่หลายปี...กลับมามีลูกสาวสวยกลับมาด้วย...ไม่ถามอะไรซ้ากกกคำ  ยังกะอาวุโสโอเคแน่ะ...เป็นเราๆท่านๆ...คงได้หัวแบะตั้งแต่ประตูรั้ว...

ตามประเพณี...พอลูกสาวอายุถึงก็ต้องมีคู่...ท้าวชนกก็จัดการเลือกคู่ให้แก่นางสีดา...โดยการยกศร...ศรที่ว่านี้ชื่อว่า “มหาธนูโมลี” เป็นศรของพระอิศวร...

สมัยนี้  บางทีเราอาจจะเคยได้ข่าวเวลามีประมูลอะไร...จะมีการเขียน TOR แบบล๊อคสเปค...แล้วก็แบบว่าจัดประมูลไปยังงั้น  แต่เขียนสเปคไว้เรียบร้อยแล้วว่า  ใครจะได้...

ต้นแบบอาจจะมาจากเรื่องนี้ป่าว...ศรก็ของพระอิศวร...พระราม  นางสีดา...เป็นใครก็รู้กัน...เพราะฉะนั้น...กษัตริย์หนุ่มๆกี่เมืองๆก็มาเหอะ...เป็นตัวประกอบทั้งนั้น...ไม่มีทางยกศรขึ้น...

สุดท้าย  พระรามก็ได้คู่กับนางสีดา...แต่...นี่ไม่ใช่ happy endingครับ...เป็นแค่การเริ่มต้น...แล้วมันจะไปยุ่งวุ่นวายถึงกับต้องยกทัพไปรบกับยักษ์...เป็นเพราะอะไร...ติดตามตอนต่อไปครับ...


Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« Reply #5 on: 13 March 2022, 10:43:00 »


เล่าความรามเกียรติ์ 12...

พระรามได้ครองคู่กับนางสีดาแล้ว...เวลาผ่านไป...ท้าวทศรถพระบิดา  อยากจะสละราชสมบัติ...เมืองอยุธยาก็น่าจะตกแก่พระรามที่เป็นลูกชายคนโต...ถ้าดำเนินไปแบบนี้  ก็ไม่มีรามเกียรติ์สิฮะ...

นิยายมันต้องมีความยุ่งยากเกิดขึ้นสิน่า...

ที่ผมเคยบอกชื่อเมียคนที่สองของท้าวทศรถไว้...นางไกยเกษี...คนนี้แหละเริ่มเรื่อง...คือเมื่อก่อนที่โอรสทั้งสี่องค์จะเกิดขึ้นมา...มีอยู่คราวหนึ่ง  ท้าวทศรถแกออกศึกไปปราบยักษ์...นางไกยเกษีก็ติดรถสวามีออกรบด้วย...

สู้ไปสู้มา...รถศึกที่ท้าวทศรถใช้อยู่...ดันเพลาหัก  โห  รถยี่ห้อไรเนี่ย...แบบนี้ก็เสียเปรียบจมหู...จะแพ้ยักษ์เอาสิฮะ...จะเรียกประกันอะไรมาก็ไม่ทัน...ด้วยรบติดพันกันอยู่...

นางไกยเกษีนี่เอง  ยอมพลีชีพ...อธิษฐานเอาความรักสามีเป็นที่ตั้ง...แล้วก็สอดแขนตัวเองเข้าไปแทนเพลารถ...ด้วยอำนาจของนิยายแขก...หรืออำนาจของคำอธิษฐานก็ไม่รู้...แขนของนางกลับไม่เป็นอะไร  รถศึกก็ทำงานได้ต่อไป...ท้าวทศรถก็รบต่อจนเอาชนะยักษ์ได้...ว้าววว...อินเดี๊ย  อินเดีย...

ท้าวทศรถเห็นความดีความงามของนางไกยเกษี...ที่พลีชีพขนาดนั้น...ก็ตรัสให้รางวัลว่า...น้องอยากได้อะไรขอมา...พี่จะให้ทั้งนั้น (เอ่ยปากให้ประเภทนี้มีบ่อย  แล้วก็ยุ่งตามหลังทุกทีสิน่า)...นางไกยเกษีก็บอกว่ายังไม่เอาตอนนี้...ถ้าอยากได้อะไรแล้วจะขอภายหลัง...

ก็มาโอกาสนี้  ที่ท้าวทศรถจะสละราชสมบัตินี่แหละครับ...นางไกยเกษีเลยเอ่ยปากทวงสัญญา...จะขอให้ลูกชายตน...พระพรต  ซึ่งเป็นลูกชายคนรอง...ขึ้นครองราชย์แทนพระราม...ลูกชายคนโต...โดยมีสัญญาว่า...ให้พระรามออกจากเมืองไปบวชในป่าเป็นเวลาสิบสี่ปี...แล้วค่อยกลับมาครองราชย์...

ไอ้ตอนที่ขอเนี่ย...เจ้าตัวพระพรตเองก็ไม่ได้อยู่...เพราะไปครองเมืองอีกเมือง  แทนพระเจ้าตาของตน...ฝ่ายท้าวทศรถ...ถึงแม้จะอึดอัดคับแค้นแค่ไหน...แต่ “เป็นกษัตริย์  ตรัสแล้วไม่คืนคำ”...ก็จำต้องมอบราชสมบัติให้พระพรต  แทนพระราม...

พระราม  นางสีดา  แถมด้วยพระลักษมณ์...ก็ต้องหนีไปต่างประเทศ  ถูกถอดยศ  ถอนพาสปอร์ต...อุ้ย  ไม่ใช่...ผิดคน...ต้องเปลี่ยนวรรณะจากกษัตริย์  ไปเป็นนักบวช...ออกไปอยู่ในป่า...

พอพระรามออกจากเมือง...ท้าวทศรถก็เสียใจถึงตาย...ฝ่ายพระพรต  รู้ข่าวเข้าว่าแม่ตัวเองก่อเรื่อง...ก็ออกตามพระรามจะให้กลับไปครองเมือง...แต่พระรามไม่ยอม  เพราะถือว่าถ้ากลับไปครองเมือง  ก็จะทำให้พระบิดาเสียคำสัตย์...

ยื้อกันไปยื้อกันมา...จนในที่สุด...เลยต้องมีเทวดาออกมายุติความวุ่นวาย...เอ้อ...ท่านทั้งหลาย...บทเขาเขียนไว้ยังงั้น...เล่นไปตามบทเถอะ...พระรามคือนารายณ์อวตาร  ต้องออกไปปราบยักษ์...อยู่แต่ในเมืองแล้วจะปราบยังไงล่ะนั่น...

ก็เป็นอันว่า...พระพรต  พระสัตรุด...กลับไปเฝ้าเมืองรอ...พระรามกับเมียและพระลักษมณ์...ก็ออกบวช...

..........

ข้ามมาดูฝั่งลงกา...ทศกัณฐ์แกเบื่อๆ  เลยออกไปเที่ยวป่า...เผื่อจะหาอะไรแปลกๆมาทำเมียเล่นมั่ง...ก็ฝากน้องเขย...ชื่อชิวหา  ให้เฝ้าเมืองให้หน่อย...

ชิวหาแกก็ขยันขันแข็ง...ออกตรวจตรารั้วรอบขอบชิดทุกวัน...เข้าวันที่เจ็ด...ชักไม่ไหวเว้ย  เหนื่อยเหลือเกิน  อยากจะงีบบ้าง  แต่ห่วงเมืองก็ห่วง...ก็เลยเนรมิตร่างกายให้ใหญ่โต...แล้วก็...แลบลิ้นปิดกรุงลงกาเอาไว้...

หวังว่าตอนแปรงฟัน  แกคงแปรงลิ้นด้วยนะ...ไม่งั้นน่าเห็นใจพลเมืองยักษ์ลงกาเหลือเกิน...

พอดีทศกัณฐ์กลับมา...เฮ้ย  ทำไมกูเข้าเมืองไม่ได้วะ...ตะโกนถาม...ก็เงียบ...สงสัยใครมันมาทำรัฐประหารเมืองกูแล้วแน่นอน...ไม่ทันดูอะไรให้ดี...ทศกัณฐ์ก็ขว้างจักร...ตัดลิ้นชิวหาขาดกระเด็น...ตายคาที่...

นางสำมนักขา...น้องสาวทศกัณฐ์...เมียชิวหา...ก็กรี๊ดสิฮะ...ผัวถูกฆ่าตาย...คนฆ่าคือพี่ชายตัวเอง...ก็ไปร้องไห้ร้องห่มต่อว่าทศกัณฐ์ซะยกใหญ่...เฮียฆ่าผัวหนูทำไม  เค้าอุตส่าห์เฝ้าเมืองให้เฮีย...อดหลับอดนอน...ฉอดๆๆๆๆ....

ทศกัณฐ์ก็อธิบายสั้นๆ...มันเป็นกรรมน้องเอ๊ย...จบ
นางสำมนักขาก็คงจนใจไม่รู้จะทำยังไง...เลยขอตัวไปปลีกวิเวกในป่า...

แล้วไปเจอพระรามครับ...

............................................


เล่าความรามเกียรติ์ 13...

สำมนักขา...ยักษ์หม้ายผัวตายสดๆร้อนๆ...ออกมาเที่ยวป่าหวังจะผ่อนคลาย...กลับมาเจอเอาพระเอกของเรื่อง...พระรามสุดหล่อ...

ก็ปิ๊งสิฮะ...จะไปเหลือ...เลยแปลงร่างเป็นสาวสวย...แล้วตั้งกระทะ  เทน้ำมัน...ทอดสะพานทันที

พระเอกของเราก็ให้แปลกใจ...กลางป่ากลางดงยังงี้  มีสาวสวยจากไหนมาเดินท่อมๆคนเดียว...นี่น้องสาว...เธอเป็นใครมาจากไหน...

หนูเหรอคะ...หนูเป็นน้องทศกัณฐ์ค่ะ (อ้าว  งั้นก็ยักษ์สิวะ...แล้วจะเสียแรงแปลงกายมาให้สวยทำไมหว่า)...คือว่าพี่ชายหนูอ้ะ...

บัดนี้จะให้มีคู่
สมสู่ด้วยวงศ์ยักษา
น้องไม่จงใจเจตนา
จึ่งหนีออกมาพนาลี

บุญนำมาพบพระทรงฤทธิ์
สมคิดข้าบาทบทศรี
จะขออยู่ปรนนิบัติในกุฎี
ไปกว่าชีวีจะวายปราณ

ว้าย  ตัยล้าวววว...เจอหน้าจะขอเป็นเมียเอาดื้อๆเลย...แล้วยังตอแหลอีกนะ  ว่าไม่มีผัว...ชิวหาเพิ่งตายมาแหม็บๆนะมึง...

มีหรือพระรามจะเล่นด้วย...ก็เดินหนีกลับกุฏิ...นังนี่ก็ตามตื๊อจนมาเห็นนางสีดา...อ๋อ  พี่รูปหล่อมีเมียแล้วนี่เอง...สวยซะด้วย...ก็เลยกลับร่างเป็นยักษ์...เข้าเล่นงานนางสีดาอุตลุด...

พระเอกกับพระรองก็เข้าช่วยเหลือ  จนในที่สุด  พระลักษมณ์ก็จับนางสำมนักขาได้...คราวนี้นางยักษ์ขี้เหงา  เจอบทโหดจากพระลักษมณ์เลยฮะ...เขาเรียกว่า  ตัดตีน  สินมือ...

ถูกตัดแขน  ตัดขา  ตัดจมูก  ตัดใบหู...กลายเป็นยักษ์ด้วนแล้วก็ปล่อยไป

นังนี่พอเขาปล่อยไปแล้วยังไม่สำนึก...ไปหาพี่ชายคนรองๆ...ตอแหลว่าไปเดินป่า  ไปเจอพระรามพระลักษมณ์ลวนลาม...ตัวเองไม่ยอมก็เลยโดนลงโทษ...ด้วนมายังงี้

พี่ชายรองๆที่ว่านี้...มีสามตนด้วยกัน...ทูษณ์  ขร  และ ตรีเศียร...สามพี่น้องนี้ก็ทยอยกันมา  หวังจะแก้แค้นให้น้องสาว...แต่ก็ตามบทแหละฮะ  ยักษ์ระดับกลางๆ  ไม่มีฤทธิ์มีเดชอะไรมากมาย...ก็เสร็จพระราม...เด๊ดสะมอเร่ทั้งสามราย...

นังด้วนก็เลยต้องไปฟ้องต่อ...คราวนี้ไปถึงพี่ชายคนโต...ทศกัณฐ์

ลากสังขารในสภาพยับเยิน  เข้าไปหาพี่ชาย...แว๊บแรกที่ทศกัณฐ์เห็นสภาพน้องสาว...ก็ถึงกับโกรธ  แผลงฤทธิ์ขึ้นจนร่างกายใหญ่โต...ทั้งยี่สิบมือจับอาวุธ...สิบปากตะโกนกราดเกรี้ยว...ใครทำน้องกูวะ...

สำมนักขาคงรู้ว่าพี่ชายตัวเองบ้ากาม...ก็เลยต้องตอแหลไปว่า...ไปเที่ยวป่า  เจอนางสีดา...เห็นสวยดี  ก็เลยจะอุ้มมาฝากพี่...โดนพระรามพระลักษณ์  ศัลยกรรมให้ซะด้วนยังงี้เลยค่ะเฮีย...

ถ้าไปอ่านในกลอนรามเกียรติ์จริงๆ...จะขำในความบ้ากามพอๆกันของสองพี่น้อง...ทศกัณฐ์เอง  พอได้ยินน้องสาวรำพันถึงความสวยของนางสีดา...ถึงกับอาวุธร่วงจากทั้งยี่สิบมือ  ไม่รู้ตัว...ลืมหมด  ไอ้ที่อยากแก้แค้นให้น้องสาว...เหลือแต่อยากได้นางสีดาอย่างเดียว...จนเข้าขั้นเพ้อเลยล่ะฮะ

นางสำมนักขาก็ใช่ย่อย...ทั้งที่เจ็บๆด้วนๆยังงี้...ยังเผลอบอกพี่ชายไปว่า...แหม  พระรามพระลักษมณ์นี่ก็ล้อหล่อ...ถ้าพี่ไปรบชนะนะ...สองหนุ่มนี่น้องขอ...

ทศกัณฐ์ดำเนินการเพื่อลักพานางสีดาทันที...โดยใช้แผน  ล่อเสือออกจากถ้ำ...


Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« Reply #6 on: 13 March 2022, 10:51:41 »


เล่าความรามเกียรติ์ 14

ไอ้ที่น่าสงสาร...ก็คือ...เหยื่อที่จะใช้ล่อนี่แหละ...ทศกัณฐ์เรียกยักษ์ตนนึงเข้ามา...ชื่อ  มารีศ...

มารีศนี้มีศักดิ์เป็นหลานของทศกัณฐ์เอง  เคยไปรบกับพระรามมายกนึงแล้ว...คราวนั้นไปพร้อมกับแม่แล้วก็พี่ชาย...ผลคือมีแค่ตนเองกระเซอะกระเซิงรอดมาได้หวุดหวิดแค่คนเดียว...แม่ตาย  พี่ตาย...

แต่ดวงมันจะหนีไม่พ้นอะฮะ...เจอทศกัณฐ์สั่ง...เฮ้ย  มารีศ...มึงไปปลอมเป็นกวางทองนะ  ล่อพระรามพระลักษมณ์ออกจากกุฏิมา...กูจะไปแอบอุ้มนางสีดาเอง...

อ้าว...ปลอมเป็นกวาง...ก็โดนธนูยิงอ้ะดิ...ก็ตายอ้ะดิ...ทั่นโท๊ศศศศศศ...

เออ...โดนยิงมั้ยโดน...มันเรื่องของมึง...แต่ถ้ามึงไม่ไป...ลูกเมียมึงโดนก่อนแน่...

มารีศ...ยักษ์อับโชค...ก็จำต้องไปกับทศกัณฐ์...แปลงเป็นกวางทอง  ล่อให้เค้ายิง...

พอนางสีดาเห็นกวางทอง...ก็ชอบใจ  ขอให้พระรามไปจับมาให้หน่อย...พระรามก็บอกว่ากวางหน้าตาประหลาดแบบนี้  สงสัยเป็นผู้ร้ายปลอมตัวมาแหงๆ...นางสีดาก็ไม่ยอม...ร้องไห้งอแง  ลงไปดิ้นกับพื้นเหมือนเด็กพ่อแม่ตามใจ  อยากได้ของเล่น...

พระรามเสียไม่ได้ก็ต้องออกไปไล่ตามกวาง...ก่อนออกไปก็สั่งพระลักษมณ์ให้ดูแลพี่สะใภ้ให้ดี...

แล้วก็เป็นไปตามคาด...มารีศ  ยักษ์โคตรซวยก็ถูกพระรามยิงด้วยศร...แต่ก่อนตายยังใช้แผน  ล่อเสือออกจากถ้ำ  ขั้นสุดท้าย...

เมื่อนั้น
พญามารีศใจหาญ
ต้องศรเจ็บเพียงบรรลัยลาญ
ขุนมารร้องขึ้นด้วยมารยา
โอ้ว่าเจ้าลักษมณ์ผู้ร่วมใจ

กวางนี้มิใช่กวางป่า
มันกลายไปเป็นอสุรา
เข้าต่อฤทธาราวี
น้องรักจงเร่งมาช่วย
แม้นช้าพี่จะม้วยด้วยยักษี

นางสีดาได้ยิน...ก็ตกใจ คิดว่าเป็นเสียงพระรามจริงๆ...ก็ไล่ให้พระลักษมณ์ออกไปช่วย...พระลักษมณ์ก็บอกว่า น่าจะเป็นเสียงศัตรูล่อให้ออกไป...เพราะเชื่อใจว่า  พระรามไม่มีทางแพ้ใครง่ายๆ...

แต่สุดท้ายก็ทนนางสีดารบเร้า  ต่อว่าไม่ไหว...ต้องออกไปตามพระราม...

ฝ่ายทศกัณฐ์ที่ซุ่มอยู่...เห็นทุกอย่างเป็นไปตามแผน...ก็ยังฮะ...ยังไม่กล้าเผชิญหน้าจังๆ...อุตส่าห์ปลอมตัวเป็นดาบส...เข้าไปหานางสีดา...บอกว่า  แม่หนูสวยๆอย่างนี้...ไม่น่ามาตกอับกับพระรามอย่างนี้เลย...ถ้าได้ครองคู่กับทศกัณฐ์  น่าจะเหมาะมากกว่า...

จะว่าไป...พี่ทศฯของเรานี่  ก็ช่างไม่รู้จังหวะจะโคนเอาเสียเลย...นางสีดากำลังกระสับกระส่าย...ผัวออกไปตามกวาง...แล้วได้ยินเสียงตะโกนขอความช่วยเหลือ...น้องผัวก็เพิ่งจะผลุนผลันออกไปช่วยพี่ชาย...เป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่รู้

แล้วทำไมล่ะเนี่ย...มาบอกว่าเหมาะกับทศกงทศกัณฐ์อะไรเวลาแบบนี้...นางก็ด่ากราดสิฮะ...

ทศกัณฐ์โดนด่าก็โมโห...กลับร่างเป็นยักษ์เจ้าของสิบหน้ายี่สิบมือ...ใช้กำลังอุ้มนางสีดาขึ้นรถสปอร์ต...ขับเฟี้ยวกลับลงกาทันที...

ทศกัณฐ์ขโมยนางสีดาไปแล้ว...

............................................


เล่าความรามเกียรติ์ 15

ระหว่างทศกัณฐ์พานางสีดาใส่ราชรถ  เหาะกลับลงกานั้น...ก็มาเจอกับพญานก...ชื่อ สดายุ...ซึ่งเป็นเพื่อนของท้าวทศรถ...พ่อพระราม...เจ๋งอ้ะ  พ่อพระรามมีเพื่อนเป็นนกด้วยยยยย...

นางสีดาก็ตะโกนขอความช่วยเหลือ...นกสดายุก็โฉบเข้าโจมตีทศกัณฐ์อย่างดุเดือด...
ระดับเป็นเพื่อนพ่อของพระรามแล้ว  ย่อมไม่ธรรมดา...ทศกัณฐ์ทำอันตรายนกสดายุไม่ได้...
พอได้สู้สูสีกับพญายักษ์เมืองลงกา...นกสดายุชักได้ใจ...ก็เริ่มเยาะเย้ย...เฮ้ย  ไอ้หน้าเยอะ...ระดับมึงนี่กูไม่กลัวหรอกเว้ย...กระจอกๆๆๆๆ....แบร้ๆๆๆ

...อ้าว...แล้วมึงกลัวอะไรล่ะ...
สดายุนี่  คงไม่ใช่นกกินปลา...ขาดโอเมก้าสาม  บำรุงสมอง  เลยดูไม่ค่อยฉลาดเฉลียวเท่าไหร่...ก็ร้องบอกทศกัณฐ์ไป...

กูกลัวแต่พระนารายณ์  กับแหวนของพระอิศวรเว้ย...แหวนไหนหรอ...ก็แหวนที่นางสีดาสวมอยู่ไง...

ปัดโท่วววว...ท่านสดายุ...บอกไปแบบนี้ก็เจ๊งสิฮะ...ทศกัณฐ์ถอดแหวนจากนิ้วนางสีดาขว้างใส่...บึ้มมม...สดายุก็ปีกหักร่วงทันที...แต่ยังฝืนใจคาบแหวนไว้ในปาก...

ทศกัณฐ์พานางสีดากลับมาถึงกรุงลงกาจนได้...แต่ก็เหมือนกับคราวก่อน...ขอเมียพระอิศวรมาแล้วก็แตะต้องไม่ได้...นางสีดานี่ก็ระดับใกล้ๆกัน...คือเป็นเมียพระนารายณ์มาเกิด...อยู่ใกล้ๆทศกัณฐ์ก็ร้อน...อีกอย่าง...รู้จักเกรงใจเมียเอก  นางมณโฑอยู่เหมือนกัน...เลยให้นางสีดาอยู่ในสวน...ลูกน้องเฝ้าไว้...


ฝ่ายพระรามพระลักษมณ์...ฆ่ายักษ์เสร็จกลับมาไม่เจอนางสีดา...ก็เสียใจร้องไห้...ค่านิยมพระเอกสมัยก่อนน่ะฮะ...ไม่ใช่หล่อล่ำบึ้ก...แต่จะออกแนวแบบบางหน่อย...ประมาณว่า  ผู้ดีไม่ต้องทำงานเยอะ  ไม่สมบุกสมบัน...ไม่ต้องลุย  มีลูกน้องลุยให้ตลอด...

พระรามพระลักษมณ์ก็สลบ...จนพระอินทร์ต้องมาสะกิด...ตื่นๆๆๆ...ไปตามเมียได้แล้ว...แล้วก็ไกด์ให้ว่าต้องไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้...

ระหว่างทางที่ออกตามเมีย...ก็ได้เจอนกสดายุ  พะงาบๆอยู่...ก็ได้เบาะแสเพิ่มขึ้นรวมทั้งแหวนของนางสีดา  และก็สไบที่นางฝากไว้ตามรายทาง...แล้วก็ยังไปเจอยักษ์นู่นยักษ์นี่  ให้ซ้อมมือกันอีก...ขอผ่านไปแล้วกันฮะ...

จุดสำคัญคือ...ได้มาเจอหนุมาน...

สองพี่น้องเดินมาจนเหนื่อย  พระรามก็หยุดนอนพักใต้ต้นไม้  พระลักษมณ์นั่งเฝ้า...หนุมานซึ่งมาปลีกวิเวกบำเพ็ญเพียร...มาเห็นเข้าก็สนใจ...มนุษย์สองคนนี่ดูไชนิ่งผิดหูผิดตาเหลือเกิน...เลยแปลงตัวไปเป็นลิงเผือกน้อยเข้าไปหยอกล้อ...จนพระรามตื่น...

พระรามมองไปเห็นลิงน้อยก็เอ่ยปากทักทันที...เอ้อ...เจ้าลิงนี่ไม่ธรรมดาแฮะ...มีกุณฑล  ขนเพชร  และเขี้ยวแก้วด้วย...พระลักษมณ์ก็งง...เพราะสิ่งที่พระรามเห็น...พระลักษมณ์ไม่เห็น...

ไอ้ตรงนี้ก็แบ่งระดับชั้นกันชัดๆ...อย่าลืมว่าพระรามน่ะ...องค์นารายณ์อวตารเอง...ส่วนพระลักษมณ์น่ะ...ของเดิมเป็นสังข์กับบัลลังก์นาคเท่านั้นหนุมาน...พอได้ยินคำที่พระรามทักเท่านั้นแหละ...

เมื่อนั้น
คำแหงหนุมานชาญสมร
ได้ฟังพจนารถพระภูธร
เหมือนคำมารดรสั่งมา

ถ้าผู้ใดเห็นลักขณะกาย
ท่านนั้นคือนารายณ์นาถา
อวตารมาผลาญอสุรา
ให้อยู่เป็นข้าพระจักรี

ก็กลับร่างเป็นหนุมาน...มาหมอบกราบถวายตัวรับใช้ทันที...แล้วก็ยังไปเอาสุครีพมาถวายตัวด้วย...

............................................

Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« Reply #7 on: 13 March 2022, 10:56:43 »


พระรามต้องเสียทหารเอกตัวนึง  อดไปลุยลงกาด้วยเลย...คือใคร  เพราะอะไร...เชิญเสพครับ

เล่าความรามเกียรติ์ 16...

พอหนุมานพาสุครีพมาเข้าเฝ้า...สุครีพก็เล่าที่มาที่ไปให้ฟัง  ว่าตนเป็นใคร...รวมทั้งฟ้องฉอดๆๆๆด้วย...เรื่องที่โดนพาลีเอาเปรียบ...

เรามาดูสถานภาพกันหน่อย...พระรามน่ะ  เกือบจะเรียกว่าตัวเปล่าเล่าเปลือยเลยตอนนี้...มีแค่น้องชายเป็นแค่เพื่อนร่วมตาย...เมียก็โดนโคตรอภิมหายักษ์  ขโมยเอาไป...ต้องไปตามกลับคืน...แต่มากันแค่สองคน...ถึงจะมีศรวิเศษก็เถอะ...จะไปรบกับยักษ์ทั้งเมืองยังไงล่ะนั่น...

สุครีพเองเป็นลูกเทวดาใหญ่แท้ๆ...กลับต้องถูกไล่มาเป็นลิงเร่ร่อน  นอนกลางป่า...ทั้งมีความแค้นแน่นอกที่ถูกพี่ชายต่างพ่อ  เอาเปรียบมาตลอด...

ก็เกิดการเจรจากันขึ้น  เพื่อ วิน-วิน  ซิตูเอชั่น...โดยสุครีพขอให้พระรามช่วยให้ตัวเอง  ไปยึดเมืองขีดขินคืน...แล้วกองทัพเมืองขีดขิน...ก็จะยอมโอนมาเป็นทหารของพระราม...ไปไฝว้กับเมืองลงกาให้สมน้ำสมเนื้อกันหน่อย...

...แต่พาลีพี่ชายข้าน่ะพะย่ะค่ะ...ใครก็สู้มันไม่ได้...เพราะพรจากพระอิศวร  บอสทั่นนั่นแหละ...ให้ไว้...

พระรามบอก...โนพร็อบเบล้ม...โน่นอิศวร...กูก็นารายณ์ว้อย...เดี๋ยวเอาน้ำชุบศร  รดตัวให้...พาลีก็จะทำอันตรายเอ็งไม่ได้แล้ว...

ผมเองก็งงๆว่า  ตกลงพระรามรู้ตัวหรือเปล่า...ว่าตนคือพระนารายณ์อวตารมา...เพราะบางตอนก็เหมือนไม่รู้...บางตอน  อย่างตอนนี้...ก็แผลงฤทธิ์เป็นองค์นารายณ์สี่กร...ทำพิธีรดน้ำชุบศรให้กับสุครีพ...เอ้า...งงต่อไป...

สุครีพได้ตัวช่วยขนาดนี้...ก็เหาะไปขีดขิน  ท้าพาลีออกมาสู้กันทันที...

พาลีเห็นโจทก์เก่ามาก็เต้นก๋าออกไปเผชิญหน้า...ไอ้น้องเวร...คราวก่อนกูไม่ฆ่าเพราะเห็นว่าเป็นน้อง...แต่ถ้าอยากหาที่ตาย...กูจะสงเคราะห์ให้ก็ได้...ว่าแล้วพญาลิงสองพี่น้อง...สู้กันเอาเป็นเอาตาย...

พาลีได้เปรียบที่มีพรพระอิศวร...ฤทธิ์ย่อมเหนือกว่า...แต่สุครีพก็ได้ยันต์ห้าแถวมาจากอาจารย์หนู...อ้อ  ไม่ใช่...ได้น้ำชุบศรมาจากพระราม...ก็ไม่สะดุ้งสะเทือน...

สุครีพสู้ไป  ก็ล่อพาลีให้มาใกล้พระราม...พอได้จังหวะเหมาะๆ  พระรามก็เล็งศรไปที่พาลี...ปล่อยพรึบออกไป (แหม...ถ้าเป็นสมัยนี้...พฤติกรรมแบบนี้มันไม่ได้รบกันซึ่งๆหน้า...คงไม่ได้รับคำชมเท่าไหร่หรอกนะพระองค์)...

แต่พาลี...คว้าศรพระรามไว้ได้ฮะ...ตวาดถามเลย...เฮ้ยไอ้มนุษย์...พี่น้องเขาจะสู้กัน...เอ็งมาเผือกอะไรด้วยวะ

พระรามก็เก๊กหล่อขึ้นมาทันที...ประกาศก้อง...กูนี่แหละ  นารายณ์อวตาร...ตอนนี้ชื่อพระราม...แล้วก็แจ้งเหตุผลที่ต้องฆ่าพาลีให้ฟัง...มึงจำได้ป่าว...

ตัวท่านจงคิดถึงความหลัง
เมื่อครั้งพระอิศวรรังสรรค์
ประทานนางดาราวิลาวัณย์
ให้น้องร่วมครรภ์ของวานร

ท่านรับมาแล้วสาบานถวาย
ถ้ามิให้ ให้ตายด้วยแสงศร
เราจึ่งสังหารราญรอน
ตามที่โทษกรณ์ท่านมีไว้

พาลีพอรู้ว่าองค์นารายณ์ตัวจริงมา...ก็หนาวสิฮะ...รำลึกถึงโทษของตัวเองได้...ลูกพระอินทร์อย่างพาลี...ต้องก้มหน้ายอมรับความตายแต่โดยดี...

แต่พระนารายณ์...เห็นว่าพาลีคงสำนึกผิดแล้ว...ประกอบกับเสียดายฤทธิ์เดชระดับนี้...น่าจะช่วยงานได้เยอะ...ก็เลยเสนอ...

ขอเลือดสักหยดแล้วกันน่าพาลี...เอามาเซ่นปลายศรพอเป็นพิธี...แล้วก็ถือว่าเลิกแล้วกันไป...แผลก็ไม่ใหญ่หรอก...ไม่ต้องกลัวหมดหล่อ...

แต่พาลี...พอบทจะสำนึกผิด...ก็แมนขึ้นมาผิดหูผิดตา...

เมื่อนั้น
พญาพานรินทร์เรืองศรี
จึ่งสนองบัญชาพระจักรี
ข้านี้ก็นับว่าเป็นชาย

ประกอบยศศักดิ์สุริย์วงศ์
เผ่าพงศ์อมรินทร์เรืองฉาย
จะไว้แผลกับตัวนั้นกลัวอาย
เทวาทั้งหลายจะไยไพ

กรรมแล้วก็สู้วายปราณ
จะให้อัประมาณกระไรได้
ขอบังคมลาภูวไนย
ไปยังสวรรค์ชั้นฟ้า

ก็เป็นอันว่า...พาลียุติบทบาทไว้แค่นี้...ไม่ได้ไปลุยลงกากับกองทัพพระราม...เสียดายเหมือนกันนิ...

............................................


มีคนเคยถามว่า  นางสีดาด่าคนเป็นมั้ย...ตอนนี้แหละครับ  จะได้เห็นนางสีดา...ด่าแบบไม่ธรรมดา

เล่าความรามเกียรติ์ 17...

พาลีตายแล้ว...สุครีพก็ได้ครองเมืองขีดขิน...ช่วงนี้ก็เป็นช่วงเตรียมการก่อนทำสงครามใหญ่...

พระรามพระลักษมณ์ก็ลาเพศจากดาบส...กลับมาเป็นกษัตริย์ตามเดิมเพื่อจะรบได้ถนัดถนี่หน่อย...เครื่องทรงพร็อพต่างๆ  ไม่ต้องไปเดินสำเพ็ง  หรือหาเช่าจากร้านไหน...พระอินทร์ลูกน้องเก่า...บันดาลให้ครบ...

กำลังพลล่ะ...ลิงล้วนๆจากสองเมืองใหญ่...ขีดขินและเมืองชมพู...รวมกันแล้วเจ็ดสิบเจ็ดสมุทร...

ไอ้หน่วยสมุทรนี่...ก็ไม่รู้หรอกฮะว่ามากมายขนาดไหน...คงประมาณว่า  ทหารเยอะจนเต็มท้องมหาสมุทร...อันเนี้ย  นับเป็นหนึ่งสมุทร...แล้วนี่ไพร่พล...เจ็ดสิบเจ็ดสมุทร...ความเว่อร์แบบนี้  ต้องยกให้อินเดียเขา...

พร้อมพรั่งทุกอย่าง...ติดอยู่ปัญหาเดียว...ลงกาน่ะ...ไปทางไหน...

ปรึกษาหารือกันแล้ว  ตกลงว่า...จะส่งหน่วยสอดแนมไปก่อนแล้วกัน...จะได้ไปดูหนทางให้ถูกต้อง...ไม่ใช่ว่ายกทัพใหญ่โตเข้ารกเข้าพงไปไหนไม่รู้...อีกอย่าง...ให้ไปสืบดูว่านางสีดายังอยู่ดีหรือเปล่า...หรือไปหลงคารมเสี่ยทศฯซะแล้วก็ไม่รู้...

หน้าที่กองสอดแนมเป็นของ...หนุมาน  องคต  และคุณหมอชมพูพาน  กับกองทหารจำนวนนึง...

พระรามก็ประทานฝากแหวนกับสไบไปกับหนุมาน...ถ้าเจอสีดาก็ให้บอกว่า  พี่กำลังตามมาช่วย...รอแพร๊พ...แล้วก็มีบอกความลับเผื่อนางสีดาไม่เชื่อแค่แหวนกับสไบ...บอกว่า...ก่อนยกศรน่ะ...พระรามกับสีดา  แอบมองตาปิ๊งกันมารอบนึงแล้ว...

แหมพ่อคุณแม่คุณ...ยังต้องส่งซิกอะไรกันอีก...ก็เพิ่งจุติมาด้วยกันอยู่แหม็บๆ...ทำเป็นตื่นเต้นไปได้...

ระหว่างทาง...สามลิงก็มีผจญภัยเล็กๆน้อยๆ...โดยเฉพาะหนุมานเนี่ย...เจ้าชู้ไม่เบา...เจอบางเจ้าก็ถามบ้าง...สู้กันบ้าง...บางเจ้าก็เอาเป็นเมียบ้าง...เรี่ยราดไปเรื่อย...

บางทีก็ไปกวนตีนฤๅษี...ตามประสาลิงโคตรซน  แถมฤทธิ์เยอะ...ท่านให้นอนในศาลา...ก็เนรมิตตัวเองให้ใหญ่คับศาลา...แล้วก็ร้องโอดโอย  หาว่าศาลาเล็กนอนแล้วปวดเมื่อย...แกล้งยังงั้นยังงี้...สุดท้ายเจอดีจนต้องยอมแพ้ฤๅษี...

จนในที่สุดได้มาถึงลงกา...ซึ่งอย่างที่เล่าไว้...ทศกัณฐ์เข้าใกล้นางสีดาไม่ได้...ร้อนเหมือนไฟ...ก็เลยเอามากักบริเวณไว้ที่สวน...มีลูกน้องเฝ้าไว้...

ทศกัณฐ์เทียวไล้เทียวขื่อมาแทบทุกวัน...หนูมาอยู่กับเสี่ยเหอะ...รถ  คอนโด เป๋าหลุย  พร้อม...อยู่กับพี่รามน่ะโหนรถเมล์น้าจะบอกให้...แต่ก็โดนด่าหน้าแหกกลับไปทุกครั้ง...ลองมาอ่านบทนางสีดาด่าทศกัณฐ์กันสักหน่อยครับ...

เมื่อนั้น
โฉมนางสีดาเสน่หา
ฟังทศเศียรอสุรา
กัลยากลุ้มกลัดขัดใจ

ดั่งศรแสลงมาแทงกรรณ
จะกลั้นความแค้นก็ไม่ได้
ปักไม้ลงแล้วก็ด่าไป
ไอ้ไม้จังไรอัปรีย์

ไฉนมึงจึ่งมาดูหมิ่น
พระทรงศิลป์ปิ่นภพเรืองศรี
คือพระองค์ทรงอาสน์วาสุกรี
ภูมีอวตารมาผลาญยักษ์

ให้สิ้นโคตรวงศ์ไอ้พาลา
ซึ่งเบียดเบียนโลกาอาณาจักร
อันตัวของมึงนี้ทรลักษณ์
สิบเศียรสิบพักตร์จะปลิวไป

วันเมื่อไปลักกูมานี้
หากว่ารีบหนีมาได้
แม้นช้าจะม้วยบรรลัย
ด้วยแสงศรชัยพระจักรา

คือแบบ...นางสีดาจะถือตัวฮะ...ว่าไม่คุยกับทศกัณฐ์โดยตรง...เพราะลักพามาเยี่ยงโจร...ก็เลยหาไม้หาอะไรมาด่าแทน...

ส่วนทศกัณฐ์ล่ะ...ได้ยินแล้วว่าไงฮะ...โกรธมั้ย...

เมื่อนั้น
ทศเศียรสุริย์วงศ์ยักษา
ได้ฟังถ้อยคำนางสีดา
เปรียบปรายด่าว่าไม่อาลัย

ยิ่งแสนพิศวาสในนํ้าเสียง
เพราะเพรียงไม่มีที่เปรียบได้
ยิ่งฟังยิ่งเพลินจำเริญใจ
ที่ในรูปรสวาที

อุ๊ย...เพราะจังเลย...ด่าอีกสิฮะ...พี่ทศฯชอบ...ประมาณนั้นเลย...

แต่สุดท้ายทศกัณฐ์ก็ชักจะอ่อนใจ...โดนด่าจนเละเป็นน้ำขนาดนี้แล้ว...เอาไงดีหว่า...ก็เลยคาดโทษเอากับพวกนางกำนัลว่า...ถ้าเกลี้ยกล่อมนางสีดาให้ใจอ่อนไม่ได้...พวกมึงตาย...

โชคดีที่ซีนนี้...หนุมานมาทันพอดี...ได้ยินกับหูว่านางสีดาไม่ได้มีใจกับทศกัณฐ์แม้แต่น้อย...ก็รู้ว่านางสีดายังซื่อตรงต่อพระสวามี...พอทศกัณฐ์กลับไป...นางกำนัลก็เริ่มกดดันนางสีดา...ขู่ยังงั้นยังงี้...จนสีดาสุดจะทน...ไม่อยู่แล้วล่ะ

เอาภูษาผูกศอให้มั่น
แล้วพันกับกิ่งโศกใหญ่
หลับเนตรดำรงปลงใจ
อรไทก็โจนลงมา

หนุมานก็โจนเข้าช่วยนางสีดาไว้ได้ทัน...ตามบทเป๊ะๆ...แล้วก็เล่าว่าพระรามกำลังตามมา...
หนุมานเสนอว่า...จะพานางสีดากลับไปโดยให้นั่งไปบนฝ่ามือตน...

ตรงนี้ก็สำคัญครับ...นางสีดาไม่ยอม...บอกว่าถ้าไปยังงี้ก็จบง่ายไปอ้ะดิ...ถ้าจะพิสูจน์รักแท้...พระรามต้องยกทัพมาปราบยักษ์...เอาให้โกร๋นหมดให้ได้...เพราะลักพานางมายังงี้...มันหยามกันชัดๆ...

............................................

Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« Reply #8 on: 13 March 2022, 11:01:47 »


แมสเซนเจอร์บรรดาศักดิ์...หนุมาน  พอส่งข่าวถึงนางสีดาแล้ว  ยังไปทำอะไรในลงกามั่ง...เชิญเสพ...

เล่าความรามเกียรติ์ 18...

เสร็จภารกิจส่งข่าวถึงนางสีดาแล้ว...แต่ถ้ากลับไปเฉยๆ...ก็ไม่ใช่หนุมานสิฮะ...

ต้องลุยลงกา  ฝากรอยแค้นไว้สักรอบ...คิดแล้วก็...ลุยสวนก่อน...ต้นม้งต้นไม้  พ่อหนุของเราหักเสียเหี้ยน...บรรดายักษ์ รปภ. ก็แตกตื่น...เฮ้ย  ลิงบ้ามาเว้ย...พวกเราลุย...แต่จะไปสู้อะไรกับทหารเอกระดับหนุมานล่ะฮะ...ก็ตายกันเกลื่อน...ต้องแจ้นไปฟ้องนายที่เฝ้าสวน...

นายที่เฝ้าสวนนั้น...มีตั้งพันตน...คือลูกๆของทศกัณฐ์ที่เกิดจากนางสนม...ก็ยกทัพมาสู้ลิงตัวเดียว...

ในบทกลอนรามเกียรติ์...หลายๆครั้งจะต้องมีบทชมรถ...และก็บทอาบน้ำ...มองมุมหนึ่งก็อาจจะรู้สึกแปลกๆก็ได้...อะไรหว่า...รีบหูตาแหก...ยังมากรีดกรายอาบน้ำอาบท่า...แถมขึ้นรถยังต้องชมรถอีกหน้ากระดาษนึง...สวยยังงั้นสวยยังงี้...

แต่อีกมุม...นี่คือความสวยงามของบทกวีไทยล่ะครับ...

อุตส่าห์อาบน้ำอาบท่า...ขึ้นลัมโบกีนี่  มาเซอราติ  เฟอรารี่...มาหรูๆทั้งนั้น...มาเจอหนุมาน...ผลคือ...ตายเกลี้ยงฮะ...ลูกทศกัณฐ์ทั้งพันตน...ตายโหงหมด...

ต้องถึงคิวลูกคนใหญ่ออกโรงเอง...อินทรชิต...

ตรงนี้ผมอยากจะขอแทรกกลอนบรรยายถึงกองทัพของอินทรชิตไว้ให้อ่านนิดนึง...แล้วลองจินตนาการว่า...ขนาดแค่กองทัพไปจับลิงตัวเดียวยังต้องขนาดนี้...

เกณฑ์กระบวนทัพเบญจเสนี
ขี่แรดเสือสีห์เป็นกองหน้า
ถือหลาวง้าวหอกปืนยา
เริงร่าสามหาวห้าวฮึก
ปีกป้องกองขันล้วนตัวหาญ
ทะยานขึ้นขี่สิงห์กระทิงถึก
แกว่งคทาขบฟันครั่นครึก
เคยโถมโจมศึกชั้นอินทร์

ยุกกระบัตรเกียกกายกองหลัง
ถือทวนดาบดั่งธนูศิลป์
ขี่อูฐขี่ม้านาคินทร์
ขี่นกหัสดินกุญชร
กองหลวงถือสรรพสาตรา
ขี่ละมั่งโคลากาสร
พร้อมทั้งรถทรงอลงกรณ์
ซับซ้อนคอยเสด็จอสุรี

แต่ถึงจะยกทัพหน้าตาประหลาดขนาดนี้มา...หนุมานนี่  ก็ไม่กลัวอินทรชิตเลย...สู้ๆกันไปถึงขนาดถีบอินทรชิตตกรถได้แล้วกันล่ะ...แต่สุดท้าย  หนุมานมีแผนในใจ...ก็แกล้งยอมให้จับ...เอาให้ทศกัณฐ์...เฮียทศฯสั่งฆ่าทันที...

หอก  ดาบ  แหลน  ของมีคมทั้งหลาย...แทงเท่าไหร่หนุมานก็ไม่ตาย...จับใส่ครก...เอาสากเหล็กตำๆๆๆ...ไม่เป็นไรแฮะ...เอาช้างมาลุย...หนุมานก็หักคอช้างตายซะอีก...

จนสุดท้าย...หนุมานออกอุบายบอกเลย...ให้เอาผ้าชุบน้ำมันมาพันตนเอง  แล้วจุดไฟ  ต้องทำยังงี้กูถึงจะตาย...ฝ่ายยักษ์ก็เสือกหลงเชื่ออีก  เท่านั้นแหละ...หนุมานติดไฟ  ไม่ได้ลุยแค่ในสวน...แต่พาทัวร์ไปทั่วทั้งลงกา...ปราสาทราชฐาน  บ้านเรือน...สนุกเขาล่ะ...หนุมานไปไหน...ไฟก็ไหม้ถึงนั่น...

ไฟไหม้บ้านขนาดนี้...ทศกัณฐ์อยู่ไม่ได้แล้ว  ต้องพาเมียขึ้นบุษบกวิเศษเหาะได้...ถ้าเป็นสมัยนี้ก็คือขึ้นฮ. หนีแหละฮะ...

กลับมาอีกที...ผลงานที่หนุมานทิ้งไว้...คือทั้งลงกาไม่มีอะไรเหลือหลอ...

ทศกัณฐ์เดือดร้อนมั้ย...ม่ายหรอก  ระดับนี้ยังชิลๆอยู่...เรียกพระอินทร์และเทวดามาหา...เฮ้ยพวกทั่น...บ้านเฮียน่ะ  โดนลิงมันเผาเล่นหมดแล้ว...ช่วยหน่อยแล้วกัน...

อันที่จริงพระอินทร์นี่ก็ถือเป็นเทวดาเกรดเออยู่นะ...แต่ในเรื่องนี้...ทำไมดูก๋องก๋อยจังอ้ะ...เอะอะก็โดนทศกัณฐ์กับลูกข่มตลอด...คราวนี้ทศกัณฐ์เรียกหา...ก็ได้แต่ยืนกุมเป้า...ได้ครับผม  เหมาะสมครับนาย  สบายครับท่าน...เดี๋ยวกระผมและลูกน้องจะเนรมิตให้...ระดับเอสซีจี ไฮม์ เลยล่ะฮะ

............................................


ถึงตอนพิเภกต้องย้ายฝั่งแล้วครับ...ความสนุกอีกอย่างคือ  ตอนทัพพระราม  ซ้อมรบให้พิเภกดู...เชิญเสพ...

เล่าความรามเกียรติ์ 19...


หลังจากทศกัณฐ์ได้บ้านใหม่...วันนึงเกิดนอนฝันร้าย...ตื่นมาเรียกหาพิเภกทันที...ทำนายฝันให้เฮียหน่อยดิ...ในฝันมีอีร้งอีแร้งอะไรก็ไม่รู้...แล้วก็มีผู้หญิงถือไฟเข้ามาไหม้ตัว  ร้อนโคตรๆ...เฮียหวั่นใจว่ะ...

พิเภกนี่...ก็เหมือนคราวทำนายให้เอาลูกสาวไปถ่วงน้ำ...คือซื่อตรงต่อหน้าที่เสียเหลือเกิน...หรืออีกนัยหนึ่ง...คือถูกเขียนบทให้มาเกิด  แล้วก็ป่วนอยู่ฝั่งนี้...

จุ๊ๆๆๆๆ...แย่เลยเฮีย...ฝันยังงี้ชิบหายลูกเดียว...แล้วพิเภกก็ทำนายให้ฟัง...จะเจ๊งยังงั้น  เดือดร้อนยังงี้...ถึงขั้นยักษ์ลงกาสูญพันธุ์กันเลยนะเฮียนะ...

อ้าวแล้วแก้ยังไงได้ล่ะไอ้น้องชาย...

คำตอบของพิเภกคือ...

อย่าโลภหลงงงงวยด้วยรสรัก
คิดหักซึ่งความเสน่หา
จงส่งองค์นางสีดา
ไปให้สามีอรไท

เท่านั้นแหละครับ...ทศกัณฐ์โกรธถึงขนาดตัดพี่ตัดน้องเลย...ฉวยดาบได้ก็ไล่ฆ่าพิเภก  แล้วขับออกจากลงกาทันที...ส่วนเมียกับลูกสาว...ให้ไปเป็นคนรับใช้นางสีดาในสวน...

โห...ทศกัณฐ์หลงนางสีดา  หน้ามืดได้ขนาดนี้เชียว...

แล้วก็ตามบทล่ะฮะ...พิเภกกลายเป็นยักษ์จรจัด...ก็ถึงคราวต้องดูดวงตัวเองบ้าง...อ้อๆๆๆ...ต้องข้ามห้วยไปอยู่กับพระรามถึงจะดวงดี...ก็เลยมาถวายตัวกับพระราม...

สำหรับฝั่งพระราม...นี่ก็จะเป็นครั้งแรกที่จะได้หยั่งตื้นลึกหนาบางของทัพฝั่งตรงข้าม...พระรามถามพิเภกว่า  กำลังฝั่งยักษ์ลงกาเป็นไงมั่ง...

พิเภกก็ให้ข้อมูล...พลทหารยักษ์น่ะ...เยอะกว่าลิงที่ท่านยกมาโขอยู่นา...แล้วก็อิทธิฤทธิ์อิทธิเดชเพียบทุกตัว...ฝ่ายไอ้จ๋อของท่านน่ะ...จะไปสู้ได้รึเปล่าก็ยังไม่รู้...

พระรามก็สั่งทันที...ท่านเจ้าเมืองสุครีพ...จัดคอบบร้าโกลด์  ซ้อมรบให้ซักรอบซิ...มีอะไรแสดงได้  เอาให้เต็มเลยนะ  อย่าให้อายเกาหลีเหนือ  เอ้ย  อย่าให้อายลงกา...ได้พะย่ะค่ะ...

อ่านมาถึงตอนนี้...ผมก็นั่งขำอยู่คนเดียว...ลิงปกตินี่ก็ซนโคตรๆอยู่แล้ว...แล้วนี่เป็นพวกลิงมีฤทธิ์...พอได้รับคำสั่งจากนายใหญ่ให้โชว์เต็มที่...ลองอ่านดูแล้วกันฮะ...ว่าเค้าทำอะไรกันบ้าง...

บ้างเหาะเหินเดินโดยอัมพร
ไปชูช้อนเอาดวงสุริย์ฉัน
บ้างเหยียบยุคุนธรยืนยัน
กรนั้นหน่วงพระเมรุคีรี
บางตนเอาทิพย์พิมานรัตน์
มาวางบนหัตถ์กระบี่ศรี
บ้างแทรกลงในพื้นปัถพี
จับพญานาคีขึ้นมา ฯ

บ้างทำเป็นลมบรรลัยกาล
พัดพานทั่วทศทิศา
บ้างนิมิตเป็นดวงดารา
ตกสาดลงมาจากอัมพร
บ้างดำลงอัคนิรุทร
ผุดขึ้นพระเมรุสิงขร
บ้างทำสี่พักตร์แปดกร
ชูช้อนซึ่งพื้นปัถพี ฯ

บ้างเดินน้ำดำสมุทรแหวกวน
จับปลาอานนท์ขึ้นมาขี่
บ้างไปวิมานฉิมพลี
จับสุบรรณปักษีลงมา
บ้างช้อนเอาเขาจักรวาล
เหาะทะยานขึ้นจากเวหา
บ้างทำเปรี้ยงเปรี้ยงดังเสียงฟ้า
ฝนตกลงมาอึงอล

บ้างง้างเอาเขาทิ้งกัน
ศิลานั้นกระจายทุกแห่งหน
เป็นประกายพรายพื้นโพยมบน
มืดมนกึกก้องธาตรี

นั่นแหละฮะ...พญานาค  ครุฑ  ปลาอานงอานนท์...อะไรที่ดูศักดิ์สิทธิ์ยิ่งใหญ่นักหนา...โดนลิงพวกนี้จับมาเป็นของเล่นหมด...เรียกว่าซ้อมรบกันที...เดือดร้อนไปทั้งจักรวาล...

แล้วไอ้เสียงโครมครามนี้...ก็ดังไปถึงลงกา...จนต้องส่งยักษ์ตนนึงปลอมเป็นลิงมาเป็นกองสอดแนม...แต่สุดท้ายก็โดนจับได้โดยหนุมาน...

ไอ้ตอนที่จับสปายได้นี่ก็น่าสนใจ...คือบรรดาลิงๆที่เห็นว่าสุดยอด  หยิบภูเขามาเขวี้ยงเล่นบ้าง  จับครุฑมาขี่บ้าง...ฤทธิ์เดชมากมายระดับนั้น...ทั้งหมดถูกหนุมานใช้ฝ่ามือเดียวครอบ...ปิดได้หมดทั้งกองทัพ...สแกนลิงทีละตัวจนจับไส้ศึกได้...

พี่หนุมานแกระดับไหนเนี่ย....จินตนาการไปไม่ถึง...ยอมล่ะฮะ...

............................................

Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« Reply #9 on: 13 March 2022, 11:06:16 »


คงเคยเห็นกันบ่อยๆ  รามเกียรติ์ตอน  นางเบญกาย...เธอเป็นใคร  ทำอะไร...เชิญเสพ

เล่าความรามเกียรติ์ 20...

...หลังจากที่ยักษ์สอดแนม  ถูกฝ่ายพระรามสักหน้าแล้วปล่อยตัวมา...รายงานถึงความซนของลิง...หรืออีกนัยหนึ่ง...ความมหึมา  ความเก่งกาจของกองทัพพระรามแล้ว...ทศกัณฐ์ตอนนี้ก็ชักจะกินไม่ได้นอนไม่หลับ...

คงไม่อยากจะปะทะกับทัพพระรามหรอก...ลึกๆคงรู้ว่า  ถูกเขียนบทมาให้แพ้แน่นอน...ก็เลยหากลอุบายต่างๆมาหยุดศึกไว้ก่อน...

ลงทุนแปลงร่างเป็นดาบส...เข้าไปในกองทัพพระราม  ห้ามว่าอย่าไปรบกับทศกัณฐ์เลย  สู้ไม่ได้หรอก...ก็ไม่ได้ผล...

งั้นลองแบบนี้...เรียกนางเบญกาย  หลานสาว...ลูกสาวพิเภกมา...อีหนู  เอ็งช่วยลุงหน่อย...

อะไรเหรอคะลุง...เห็นพ่อหนูช่วยลุงไปหลายที...ได้รางวัลคือโดนเนรเทศ  กลายเป็นยักษ์จรจัดไปซะแล้ว...แล้วคราวนี้หนูต้องทำยังไงล่ะคะ...

ลุงทศฯปลอบคำสองคำ  แล้วก็สั่งให้หลานเบญกายช่วยแปลงร่างเป็นนางสีดา...แกล้งตายลอยน้ำไปหาทัพพระรามที...เผื่อพระรามเห็นจะได้หมดอารมณ์...จะได้ยกทัพกลับไป...

ผมว่านะ...คณะผู้แต่งบทละครรามเกียรติ์...คงไม่ได้คิดจะให้ทศกัณฐ์มีความน่าเกรงขามจนแตะต้องไม่ได้...เหมือนอย่างภาพพจน์พระราม...บางบทบาทของทศกัณฐ์  ก็เลยดูน่าขำ...

อย่างตอนนี้ที่นางเบญกายไปก๊อปปี้ แอนด์ เพสต์มา...จนเหมือนนางสีดาเปี๊ยบ...พอมาเจอหน้าลุงทศฯ...ลุงเผลอคิดว่าหลานเป็นนางสีดาจริง...ก็หน้ามืดขึ้นมาอีกรอบ...

พี่คิดถึงเจ้าทุกเวลา
ดั่งหนึ่งอุราจะแตกฉาน
แสนทุกข์แสนเทวษมาช้านาน
สงสารบ้างเถิดนะน้องรัก

ว่าพลางจูงกรขึ้นแท่นทรง
แล้วโอบอุ้มองค์ขึ้นใส่ตัก
ตระโบมโลมลูบจูบพักตร์
พญายักษ์จึ่งกล่าวสุนทร

...เฮ้อ...กะลูกกะหลานก็ยังไม่เว้น...ลุงทศฯเอ๊ยยยย...จนนางเบญกายต้องคืนร่างเดิม...อ้าว...หลานกูเองนี่หว่า...ก็เขินกันไปรอบใหญ่...

ตกลงนางเบญกายก็ต้องยอมแปลงเป็นสีดา...ตายลอยน้ำตุ๊บป่องๆ  ไปจนถึงท่าน้ำของทัพพระราม...

บรรดาลิง  พอเห็นผู้หญิงตายลอยน้ำมา...ก็ร้องเจี๊ยกกันใหญ่...รีบไปรายงาน...พระรามพระลักษมณ์พอลงมาท่าน้ำ...เป็นนางสีดานอนแน่นิ่งลอยน้ำอยู่...ทำไงล่ะฮะ...

ก็สลบสิ...พระเอกเรื่องนี้...อย่างที่บอก...ต้องแบบบางหน่อย...พอฟื้นขึ้นมา  พระรามก็ลุกขึ้นเฉ่งหนุมานทันที...

เห็นมั้ยล่ะไอ้วอก...กูให้มึงไปสืบข่าวนางสีดาอย่างเดียว...เสือกนึกสนุกทำเกินคำสั่ง...ไปเผาลงกาซะวอด...นี่ทศกัณฐ์มันคงโกรธ...เลยฆ่าเมียกูซะเลย...

หนุมานกลับเป็นฝ่ายที่ดูมีสติมากกว่า...ก็รีบออกความเห็น...ข้าพุทธเจ้าว่ามันทะแม่งๆพะย่ะค่ะ...ตายแล้วทำไมไม่เน่า...อย่างน้อยมันต้องโทรม  ต้องเปื่อยต้องเหม็นบ้าง...ไม่ใช่ลอยสวยเช้งมายังงี้...

แล้วอีกอย่าง...ศพบ้าที่ไหนวะ...เอ้อ...พะย่ะค่ะ...ตายแล้วเสือกลอยทวนน้ำมาได้...ข้าฯมีวิธีพิสูจน์...หนุมานเสนอให้จับร่างนี้ขึ้นย่างไฟ...ถ้าเป็นอะไรปลอมตัวมา  รับรองทนไม่ได้แน่...แต่ถ้าเป็นร่างนางสีดาจริง...ก็ถือว่าฌาปนกิจไปเลยแล้วกัน

...แล้วตนเองในฐานะที่ก่อเรื่องไปเผาลงกา...จนทำให้สีดาถูกฆ่า...ก็จะขอถวายชีวิตชดใช้ด้วย...

แล้วก็จริงตามหนุมานสงสัย...พอขึ้นเตากริลล์ยังไม่ทันน้ำตกดี...เบญกายก็ต้องคืนร่างเหาะหนี...แต่ก็ไม่พ้นหนุมานที่รออยู่แล้ว..ก็จับมาให้พระราม...

นางเบญกายก็ใช้วิชาสายลับ...คือพอถูกจับได้ก็สารภาพครึ่งเดียว...บอกความจริงว่านางชื่อเบญกาย  เป็นลูกพิเภก...พ่อถูกขับออกจากลงกา...ก็ออกมาสืบข่าวพ่อ...

พระรามไม่เชื่อเรื่องแค่นี้...ต้องมีการทรมานพอสมควร...นางเบญกายจึงจะคายความลับออกมาทั้งหมด...ทำเป็นสีดาตายลอยน้ำมา...เผื่อพระรามถอดใจเลิกทัพกลับไป...

ความจริงปรากฏแล้วว่าเป็นแผนข้าศึก...จะลงโทษยังไงดี...พระรามเอง...คงจะถือโอกาสนี้ลองใจพิเภกที่เพิ่งมาอยู่ใหม่ๆ...

...ลูกท่านเป็นไส้ศึกมาแบบนี้...ลงโทษยังไงดี...

พิเภกเอง...ก็ไม่รู้ว่าซื่อสัตย์จริง...หรือเสี่ยงดวง...ซื้อใจพระรามดูสักที...กัดฟันตอบ  ตัดหัวเลยสิพะย่ะค่ะ...จะรออัลลัย...

พระรามเห็นว่าพิเภกเที่ยงธรรมจริง...ก็เลยยกโทษให้ลูกสาว...แล้วให้ส่งคืนกลับไปลงกา...

แต่วานใครไปส่งก็ไม่วาน...ท่านหนุมาน...วานไปส่งน้องเบญหน่อย...ลงกามันไกล...ทางเข้าเมืองก็เปลี่ยวๆ...ช่วยดูแลน้องเขาหน่อยนะ...

หนุมานก็คาบปลาย่างไปลงกา...แล้วก็ตามเคยฮะ...ได้นางเบญกายเป็นเมียระหว่างทาง...

กลับถึงลงกา...อ้าวหลานเบญ...ได้อะไรมามั่งละจ๊ะ...

อ๋อ...ไม่ได้อะไรเลยค่ะลุงทศฯ...แผนแตก...แต่ได้ผัวเป็นลิงตัวนึงค่ะ...จบนะ...

.....
หนุมานจึงมีลูกกับนางเบญจกาย 1 คนชื่ออสุรผัด
.....

............................................


Logged
Pages: [1] Go Up Print 
« previous next »
 

SMF 2.0.4 | SMF © 2013, Simple Machines | Theme by nesianstyles | Buttons by Andrea
Page created in 0.191 seconds with 20 queries.