ppsan
|
|
« on: 21 November 2021, 22:01:53 » |
|
เรื่องเล่าเด็กบ้านนอก : 13 ลงแขก : ประเพณีการแสดงออกของความสามัคคี กับ บั้งโพละของเล่นเด็กบ้านนอก เรื่องเล่าเด็กบ้านนอก : 13 ลงแขก : ประเพณีการแสดงออกของความสามัคคี กับ บั้งโพละของเล่นเด็กบ้านนอก
อาชีพทำนาถือเป็นอาชีพหลักของคนบ้านนอก ที่มีมานาน รุ่นแล้วรุ่นเล่าจนถึงปัจจุบัน
การทำนาถูกถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น ถึงรุ่นลูก รุ่นหลาน แม้ในปัจจุบันวิธีการทำนาอาจจะมีการปรับเปลี่ยนไปบ้างตามกาลเวลา เพราะมีเครื่องมืออำนวยความสะดวกเข้ามาช่วย แต่ก็ยังมีกลิ่นอายเดิมๆ ของสมัยเก่าอยู่บ้าง
ตามบ้านนอกที่เทคโนโลยี เครื่องทุ่นแรงยังเข้าไม่ถึง ก็ยังใช้วิธีการทำนาแบบดั้งเดิมอยู่
ตั้งแต่การหว่านข้าว ถอนกล้า ดำนา เกี่ยวข้าว จนถึงการเอาข้าวขึ้นลาน และเก็บข้าวเข้ายุ้ง
เวลาทำนาของชาวนาสมัยก่อนนั้นจะมีการขอแรงจากเพื่อนบ้าน ที่รู้จักสนิทสนมกัน ให้มาช่วยในการทำนา เกือบจะทุกขั้นตอน ที่จะต้องใช้แรงงานในปริมาณมาก เพื่อประหยัดเวลา
การขอแรงจากพรรคพวก เพื่อนฝูง บ้านใกล้เรือนเคียง ที่สนิทมาช่วยกันออกแรงในการทำนา โดยไม่ต้องเสียค่าจ้าง อาจจะมีการทำอาหารเลี้ยงดูปูเสื่อ ตอบแทนน้ำใจให้กับคนที่มาช่วยเหลือกัน คือสิ่งที่เรียกว่า " การลงแขก "
.................
" น้อย ลงมาช่วยพ่อหน่อย เร็ว " พ่อส่งเสียงเรียก จากหน้าบ้าน ที่พ่อลงมือใช้จอบถากหญ้าเตียนโล่ง ไว้สำหรับทำลานข้าว เพื่อนำข้าวที่เก็บเกี่ยวเสร็จแล้วมาพักรอเพื่อตีเอาเมล็ดข้าวเปลือก
" ครับพ่อ " น้อยส่งเสียงตอบ แล้วรีบลงจากบ้านวิ่งไปหาพ่อ
" เอาถังไปหาบขี้ควายมาช่วยพ่อทำลานข้าวหน่อย ที่บ้านหม่าวนะ พ่อบอกเขาไว้แล้ว ของบ้านเราไม่พอ " พ่ออธิบายเรื่องที่จะให้ช่วย
" ได้ครับพ่อ " น้อยรับคำ แล้วคว้าเอาถังสองใบกับไม้คานที่ใช้หาบประจำเดินไปที่บ้านหม่าว
.................
การทำลานข้าว จะต้องใช้ขี้ควายในการฉาบด้านหน้า หลังจากที่เตรียพื้นที่ทำลานด้วยการถากหญ้าปรับพื้นที่ให้เตียนโล่ง แล้วใช้ขี้ควายผสมกับน้ำ เอาไม้กวาดทางมะพร้าว หรือ 'ไม้ขัดมอญ' กวาดส่วนผสมให้ทั่วลานเพื่อเป็นการฉาบหน้าดิน ไม่ให้มีฝุ่นเวลาที่ต้องตีข้าว เพื่อแยกเอาเมล็ดข้าวออกจากต้นข้าวที่มัดเป็น 'ฟ่อน'
..................
หลังจากที่น้อยใช้ถัง หาบเอาขี้ควายมาจนพอสำหรับลานที่พ่อเตรียมไว้แล้ว ก็ต้องไปหาบเอาน้ำมาทำการผสมกับขี้ควายแล้ว ลงมือใช้เท้าย่ำ ผสมให้เข้ากัน แล้วกวาดส่วนผสมให้ทั่วลาน เป็นอันเสร็จ รอให้แห้งเป็นอันใช้ได้
.................
สามวันก่อนพ่อได้ออกปากกับพรรคพวกที่รักน้ำใจกัน มาลงแขกเกี่ยวข้าว จนเสร็จ และวันนี้ก็ได้ออกปากขอแรง พรรคพวกอีกครั้งเพื่อขนข้าวขึ้นลาน แล้วลงมือตี ในตอนกลางคืน
พอตกค่ำหลังจากที่เอาข้าวขึ้นลานเสร็จ พรรคพวก เพื่อนฝูง ที่พ่อได้เอ่ยปากขอแรงกันไว้ ก็มาพร้อมกันที่หน้าลาน พร้อมกับอาวุธคู่กาย 'ไม้หนีบข้าว ' ที่สำหรับใช้หนีบฟ่อนข้าวแล้วตีลงบนพื้น เพื่อให้เมล็ดข้าวล่วงออกจากฟ่อนข้าว
เกือบสิบห้าคนที่มาช่วยกัน น้อยก็ได้ลงมือตีข้าวช่วยพ่ออีกแรง ถึงจะไม่เก่งเท่าพวกผู้ใหญ่ก็ตาม เสียงดังตุ้บ ตั้บ ตุ้บ ตั้บ เมื่อฟ่อนข้าวกระทบกับพื้นลาน สลับกับเสียงเพลงที่เปิดจากวิทยุ และเสียงหัวเราะ ที่ใครบางคนโดนแซว
................
หม่าว กับสืบ และเด็กๆอีกหลายคน แวะมาวิ่งเล่นที่หน้าบ้านน้อย พร้อมด้วย บั้งโพละ ประจำตัวคนละกระบอก น้อยเห็นเพื่อนมา รีบวางไม้หนีบข้าว แล้ววิ่งไปสมทบกับเพื่อน โดยไม่ลืมเอาบั้งโพละของตัวเองที่แช่ไว้ในตุ่มน้ำ เพื่อรักษาความสดของไม้ไผ่ ที่ใช้ทำบั้งโพละ ให้ไม่แห้ง
สำหรับบั้งโพละ ของใครที่มีความยาวแล้วยิงได้ไกล ถือว่าได้เปรียบคนอื่น เพราะไม่ต้องไปยิงในระยะประชิด ซึ่งมีโอกาสโดนยิงสวนมาได้
" โอน้อยออกแบ่งข้างกัน จะได้ยิงไม่มั่ว " น้อยออกความคิด
" เออดี ส่วนกูอยู่ข้างไหนก็ได้ " สืบออกตัว
พอแบ่งข้างกันได้แล้ว น้อย หม่าว กับทูน อยู่ข้างเดียวกัน ส่วนสืบอยู่กับเพื่อนอีกสองคน
แบ่งข้างกันเสร็จ ทั้งสองฝั่งก็เปิดเกมส์ โดนที่ฝ่ายแรกวิ่งไปหาที่หลบก่อน แล้วให้สัญญาณ ' พร้อม ' อีกฝ่ายก็เริ่มไล่ตาม แล้วยิงด้วยอาวุธที่เตรียมลูกกระสุนมาเต็มพิกัด ที่ได้เก็บเอาจากลูกต้นนุ่นบ้าง บางคนใช้กระดาษเปียกบ้าง ต่างฝ่ายต่างยิงสวนกันไปมา วิ่งไล่ยิงกันอย่างสนุกสนาน ยิ่งคืนนี้เป็นคืนเดือนหงาย พระจันทร์เกือบเต็มดวง ทำให้มีแสงสว่างมากพอที่จะมองเห็นกันได้ถนัด
.................
ตกดึกพวกผู้ใหญ่ก็ตีข้าวบนลานจนหมด ขณะที่แม่ได้ทำอาหาร กับขนมหวานไว้เลี้ยงคนที่มาช่วยตีข้าว ก็เตรียมสำรับรออยู่บนบ้านแล้ว ก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันกลับบ้านหลังจากกินอาหารเสร็จ พ่อกับ แม่ เอ่ยปากขอบคุณกับทุกคนที่มีน้ำใจมาช่วยกันจนเสร็จในวันนี้
ส่วนพวกเด็กๆ ก็เริ่มแยกย้ายกันกลับบ้านของตัวเอง พร้อมๆ กับผู้ใหญ่ที่กำลังกลับเช่นกัน
" หม่าว สืบ วันนี้นอนบ้านกูนะ กูทำกระท่อมไว้แล้ว ตรงกองฟางโน่น " น้อยเอ่ยปากชวน หลังจากที่ไล่ยิงกันด้วยบั้งโพละเสร็จ
" เออได้ "หม่าวรับปาก
" สืบละ " น้อยหันไปถาม สืบที่ยังเงียบ ไม่ตอบ
" กู กู กูนอนก็ได้ " สืบตอบ แบบไม่ค่อยเต็มใจที่จะนอนนัก แต่ไม่อยากขัดเพื่อน
ทั้งสามคนมุดเข้าไปนอนในกระท่อมที่น้อยได้ทำไว้ โดยใช้ฟางข้าวทำเป็นหลังคากับผนัง ซึ่งให้ความอบอุ่นได้ดี ในช่วงหน้าหนาวแบบนี้ ข้างในหมอน กับผ้าห่มถูกน้อยขนลงมารอตั้งแต่ตอนเย็นแล้ว
...............
เช้าตรู่พอตื่นขึ้นมา น้อยเห็นหม่าวยังหลับอยู่ เลยปลุกให้ตื่น
" หม่าว หม่าว ตื่นเห้ย " น้อยเรียกพลางใช่มือเขย่าตัวหม่าว
" มีอะไร ปลุกแต่เช้าเลย " หม่าว ถามขณะที่ยังงัวเงียอยู่
" ไอ้สืบมันหายไปไหนวะ กูตื่นมาแต่เช้ามืดก็ไม่เห็นมันแล้ว" น้อยเล่า
" อ้าว สงสัยมันคิดถึงบ้าน หรือไม่ก็....." หม่าวหยุด แล้วทำท่าคิด
" กูรู้แล้ว มันคงอยากกลับไปล้างหน้าล้างตา เปลี่ยนเสื้อผ้าแน่เลย เพราะเมื่อคืน มันโดนกูยิงไปเต็มๆ ทั้งหน้า ทั้งตัว เลอะไปหมด มันถึงไม่อยากนอน ตอนมึงชวนมันตั้งแต่แรกแล้ว " หม่าวร่ายยาว
"เออสงสัยจะจริง เมื่อคืนมันโดนอยู่คนเดียวเลย ใครๆก็รุมมัน สงสัยจะแค้นที่มันวิ่งหนี ตอนที่โดนผีหลอก ที่กลับมาจากดูหนัง" น้อยพูด
ทั้งสองคนหัวเราะพร้อมกันเมื่อนึกถึงหน้า สืบ ที่โดนรุมยิงเมื่อคืน
|