Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...
User Info
Welcome, Guest. Please login or register.
22 December 2024, 21:59:20

Login with username, password and session length
Search:     Advanced search
News
ท่านสมาชิกสามารถเปลี่ยนรูปแบบ (Theme) ได้อีกหลายแบบ
เชิญทดลองโดยคลิกที่ลิงค์ข้างล่าง ได้เลยครับ

http://www.smilesiam.net/index.php/topic,3170.msg4713.html
Forum Stats
26,618 Posts in 12,929 Topics by 70 Members
Latest Member: KAN
Home Help Search Calendar Login Register
Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...  |  วิถีสู่ชีวิตแห่งความพอเพียง  |  ความสุขทางเลือก (Moderator: SATORI)  |  เรื่องเล่าเด็กบ้านนอก : 12 โคมลอย : เทศกาลลอยกระทง
0 Members and 1 Guest are viewing this topic. « previous next »
Pages: [1] Go Down Print
Author Topic: เรื่องเล่าเด็กบ้านนอก : 12 โคมลอย : เทศกาลลอยกระทง  (Read 546 times)
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« on: 21 November 2021, 21:58:12 »

เรื่องเล่าเด็กบ้านนอก :  12  โคมลอย : เทศกาลลอยกระทง


เรื่องเล่าเด็กบ้านนอก :  12
โคมลอย : เทศกาลลอยกระทง


ช่วงประมาณเดือนตุลาคม ถึงเดือนพฤศจิกายน ของทุกปี เป็นช่วงเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว "หนาวมากหนาวน้อยให้ดูปริมาณน้ำ" เป็นคำพูดของผู้เฒ่าผู้แก่ ที่สอนวิธีสังเกตุว่าปีไหนจะหนาวมากหรือน้อยอย่างไร  ให้ลูกหลานได้ฟัง

น้ำที่พึ่งผ่านหน้าฝนมา  ก็จะเริ่มเอ่อล้นตลิ่ง หากบ้านไหนที่มีบ้านอยู่ริมน้ำ  ก็เตรียมเก็บข้าวของหนีน้ำไว้ก่อนที่จะเก็บไม่ทัน

และสิ่งหนึ่งที่มาพร้อมกับปริมาณน้ำ นอกจากกุ้งหอย ปู ปลาที่มีมาก ตามปริมาณน้ำแล้ว คือเทศกาล 'ลอยกระทง'ที่เป็นประเพณีคู่กับ คนไทยมายาวนาน

การจุดประทัด ปล่อยโคม ก่อนที่จะถึงวันลอยกระทง ก็เช่นเดียวกัน เป็นของที่มีมาคู่กับประเพณีลอยกระทงมาแต่ช้านาน  ส่งเสียงเหมือนเป็นสัญญาณแห่งความสนุกใกล้มาถึงแล้ว

ที่หมู่บ้านของน้อย ก็จะมีการจัดประเพณีลอยกระทงขึ้น ที่วัดประจำหมู่บ้าน ทุกๆปี ปีนี้ก็เช่นกัน แถมทางวัด ยังจัด ลิเก มาให้ชาวบ้านได้ดูกันด้วย

ส่วนบริเวณพื้นที่สำหรับลอยกระทง วัดได้ให้ชาวบ้านมาช่วยกันจัดพื้นที่ริมสระน้ำ ด้วยการเอาไม้ไผ่มาตกแต่ง   ทำเป็นสะพานริมตลิ่งเพื่อให้ชาวบ้าน  จะได้ลงไปลอยกระทงได้สะดวก

ก่อนจะถึงวันลอยกระทงไม่กี่วัน แม้พระจันทร์จะยังไม่เต็มดวงนัก แต่แสงนวลสว่างของพระจันทร์ก็ยังสาดแสง ทำให้พื้นที่ ที่ไฟฟ้ายังเข้าไม่ถึง ถูกฉาบไปด้วยแสงนวล ไปทั่วพื้นที่

ทุกเย็นก่อนถึงวันลอยกระทง หมู่บ้านของน้อย โดยเฉพาะบ้านที่อยู่บริเวณติดกับบ้านของ   " แม่จันทร์ " ผู้หญิงสูงอายุที่คนในหมู่บ้านนับถือ จะมารวมตัวกันที่หน้าบ้านแก

ทั้งเด็กเล็กเด็กน้อย ออกมาวิ่งเล่น อย่างสนุกสนาน พร้อมกับเสียงร้องเพลงพื้นบ้านของแม่จันทร์  พร้อมกับการเคาะจังหวะจาก"โทน " ที่แกมีอยู่

บางครั้งพอหัวค่ำ แกก็จะพากลุ่มเด็กๆ รวมทั้งวัยรุ่น ออกไปนั่งเล่นที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ในบริเวณสนามโรงเรียน

คืนนี้เป็นอีกคืนที่แม่จันทร์ และผู้ใหญ่อีกสอง สามคน พาพวกเด็กๆ ออกมา นั่งเล่นที่ม้านั่งใต้ต้นไม้ ข้างสนามหญ้าของโรงเรียน

เด็กๆ วัยรุ่นจับกลุ่มร้องเพลงตามอย่างสนุกสนาน เด็กบางคนที่อยู่บ้านใกล้เรือนเคียง ที่ได้ยินเสียงร้องเพลงเข้ากับการเคาะจังหวะ ก็พากันออกมาวิ่งเล่น ทำให้บริเวณสนามโรงเรียน เต็มเด็กเป็นจำนวนมาก

ภายใต้แสงจันทร์สว่าง ก่อนที่จะถึงวันลอยกระทงในวันพรุ่งนี้  เด็กบางกลุ่มเล่นตี่จับ บางกลุ่มเล่น รีรีข้าวสาร มอญซ่อนผ้า แล้วแต่จะถนัดเล่นแบบไหน ส่วนวัยรุ่นหลายคน ปั่นจักรยานออกมา จับกลุ่มนั่งคุยกันใต้ต้นไม้ บางคนออกมาจับกลุ่มจีบสาว ซึ่งเป็นโอกาสดีที่จะได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น

เสียงร้องเพลงเข้าจังหวะกับเสียงโทนของ แม่จันทร์ ยังดังแว่วมาเรื่อยๆ เพราะยังเป็นกลุ่มใหญ่ที่มีหลายคนช่วยกันร้อง ตบมือ บางคนเคาะกระป๋องให้เข้าจังหวะ ส่งเสียงร้องช่วยกันอย่างสนุกสนาน ส่วนกลางสนามเด็กๆ ก็ยังจับกลุ่มวิ่งเล่นส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวอย่างสนุกสนาน



" เห้ยๆ โคมๆ " เสียงเด็กคนหนึ่งที่เห็นโคมที่ลอยต่ำ ผ่านมาทางสนามโรงเรียน

" วิ่งตามเลย เร็ว มันใกล้จะตกแล้ว เผื่อได้เงินที่ติดมากับโคมด้วย " วัยรุ่นที่จับกลุ่มใต้ต้นไม้ตะโกนบอกมาแต่ไกล

.................

ทุกครั้งที่มีการปล่อยโคมในสมัยก่อนของคนบ้านนอก พื้นที่ในหมู่บ้านของน้อยและบริเวณใกล้เคียง  ในช่วงก่อนถึงเทศกาลลอยกระทงนั้น จะด้วยความเชื่อ ความศรัทธา ที่ว่า ' ปล่อยทุกข์ ปล่อยโศก ให้หมดไปกับโคม '  ไม่ว่าจะเป็นเวลากลางวัน ที่เรียกกันว่า " โคมลม " หรือโคมที่ปล่อยกลางคืน ที่คนบ้านนอกเรียก "โคมไฟ " ก็จะมีการบอกต่อๆกันมา ว่าคนที่ปล่อย จะมีการเหน็บเงินติดมากับโคมดวงนั้นที่ปล่อยมา ถือว่าเป็นการทำบุญด้วย



................

เด็กๆพอได้ยินเสียงวัยรุ่นร้องบอกว่าอาจจะมีเงินติดมาด้วย ยิ่งเพิ่มความคึกคนองอยากที่จะวิ่งไล่ตามเก็บโคมดวงนั้น ยิ่งกลุ่มวัยรุ่นปั่นจักรยานออกตัวนำไปก่อนแล้ว เด็กๆยิ่งหึกเหิม อยากตามเก็บโคมดวงนั้นที่กำลังจะตกให้ได้

ทั้งวัยรุ่นและเด็กๆ ที่ทั้งปั่นจักรยาน และวิ่งตาม มาโผล่อยู่ด้านข้างโรงเรียน ตามโคมดวงนั้นที่กระแสลมพัดออกไปทางหลังโรงเรียน และวิ่งทะลุมาถึงบริเวณทุ่งนา ก็ยังไม่มีวี่แววว่าโคมดวงนั้นจะตกสักที

" วิ่งตามไป ใกล้แล้วใกล้จะตกแล้ว " เสียงกระตุ้นจากกลุ่มวัยรุ่นที่ขี่จักรยานนำหน้า ส่งเสียงเร้าเด็กๆ

พอถึงสุดปลายถนนเล็กๆที่ไม่สามารถปั่นจักรยานต่อไปได้ กลุ่มวัยรุ่น จอดจักรยานทิ้งไว้ แล้ววิ่งออกนำหน้า เด็กๆวิ่งตาม จนมารู้ตัวอีกทีก็อยู่กลางทุ่งนาที่ชาวนาเก็บเกี่ยวข้าวไปแล้ว ทำให้บรรยากาศดูเวิ้งว้างมากยิ่งขึ้น

โคมดวงนั้นตกอยู่เลยกระท่อมของชาวนาไปไม่ไกล เพราะด้วยดวงไฟที่เป็นเชื้อเพลิงให้โคมลอยได้นั้น มอดดับลงแล้ว

วัยรุ่นที่วิ่งนำทางในการไล่ล่าโคมเพื่อหวังที่จะได้เงิน ที่อาจจะติดมากับโคม วิ่งเข้าไปเก็บ พร้อมกับ พับตัวโคมที่ทำจากกระดาษสี เสร็จแล้วรีบวิ่งกลับไปที่รถจักรยานของตัวเองที่จอดทิ้งไว้ แล้วรีบปั่นกลับไปที่สนามโรงเรียน ที่มีพรรคพวกบางคนรออยู่

เด็กๆกว่าจะรู้ตัวว่าโดนทิ้ง เพราะมัวแต่สนุกกับผลสำเร็จ ที่ไล่ล่าโคมได้แล้ว  มารู้ตัวอีกทีก็มองไม่เห็นวัยรุ่นกลุ่มที่วิ่งนำมาแล้ว

ในทุ่งนาที่เวิ้งว้าง มีแสงจันทร์ส่องสว่างพอแค่มองเห็นหน้ากันในระยะไม่ไกล  ต่างคนต่างมองหน้ากันแล้วค่อยขยับตัว ออกวิ่งในทิศทางที่วิ่งมาเมื่อสักครู่นี้

" รอกูด้วย อย่าทิ้งกู " เสียงใครบางคนร้องบอกเพื่อนๆให้รอในขณะที่วิ่งตามกันมาเป็นกลุ่ม

บางคนถึงกับถอดรองเท้า"อีแตะ " เอามาถือแล้ววิ่ง เพราะกลัววิ่งไม่ทันเพื่อน หากยังใสอีแตะอยู่เพราะมันไม่ถนัด

" ทำไมมันไกลจังวะ ตอนไปมันไม่ไกลเท่านี้นี่ " หม่าววิ่งไปบ่นไปกับน้อย

" เออกูก็ว่างั้น " น้อยตอบ พร้อมกับออกอาการหอบ ด้วยระยะทางที่ไกลมาก

พอมาถึงบริเวณสนามโรงเรียน กลุ่มวัยรุ่นก็เอาโคมออกมา พร้อมแกะซองกระดาษที่ติดอยู่ด้านข้างไม้ไผ่ ที่ทำเป็นโครงวงกลมของตัวโคม

เด็กๆ ที่พึ่งมาถึงรีบวิ่งมามุงดูพร้อมกัน  เพราะต่างคิดว่าน่าจะมีส่วนแบ่งหากมีเงินติดมากับโคม ที่เป็นคนวิ่งไลล่าโคมดวงนั้นด้วยกัน

พอวัยรุ่นคนหนึ่งในกลุ่มแกะซองออก แต่ไม่พบว่ามีเงินติดมาด้วยเลย มีแต่กระดาษขาวที่เขียนตัวหนัวสือไว้ พร้อมกับอ่านข้อความบนกระดาษสีขาวที่เขียนเอาไว้ด้วยเสียงที่ดัง เพราะกลัวคนอื่นๆจะไม่ได้ยินทั่วถึงกัน

" ถ้าเก็บโคมดวงนี้ได้แล้ว ส่งคืนให้วัดด้วยนะโยม "

" อีกแล้ว... เป็นงี้ทุกที ทำกันได้เนาะหลวงพี่" ใครบางคนบ่นพร้อมกับการแยกย้ายสลายตัวของกลุ่มนักล่าโคม

..................

#เรื่องเล่าเด็กบ้านนอก

โทน คือ ชื่อกลองหน้าเดียวสำหรับตีขัดจังหวะ ลักษณะทรงกรวย มีสองแบบ  นิยมใช้กับวงเครื่องสาย โทนชาตรี กับโทนมโหรี





Logged
Pages: [1] Go Up Print 
« previous next »
 

SMF 2.0.4 | SMF © 2013, Simple Machines | Theme by nesianstyles | Buttons by Andrea
Page created in 0.065 seconds with 20 queries.